ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (4 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 31.90 บาทต่อดอลลาร์


 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (4 ธ.ค.68) ที่ระดับ  31.90 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  31.92 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน หลังจากแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงวันก่อนหน้า (แกว่งตัวในกรอบ 31.85-31.94 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเข้าใกล้ระดับ 31.85 บาทต่อดอลลาร์ (ซึ่งเป็นระดับคาดการณ์ ณ สิ้นปีนี้ ที่เราประเมินไว้ล่าสุด) ตามการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ ออกมาแย่กว่าคาด โดยเฉพาะ ยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP ในเดือนพฤศจิกายน ลดลง 3.2 หมื่นราย แย่กว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5 พันราย ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ และยังคงเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ดี แม้ว่าความเชื่อมั่นของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด จะช่วยหนุนราคาทองคำ (XAUUSD) บ้าง แต่ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวมก็กดดันราคาทองคำ ทำให้ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวแถวโซน 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์

บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หลังผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่าเฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ จากรายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ที่ออกมาแย่กว่าคาดไปมาก ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับถูกกดดันโดยการปรับตัวลดลงของหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Microsoft -2.5% และ Nvidia -1.0% ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.30% แต่ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้นเพียง +0.17%  

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.10% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ ธีม AI/Semiconductor ที่ได้อานิสงส์จากความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ หุ้นค้าปลีกรายใหญ่อย่าง Inditex +8.9% เจ้าของแบรนด์ Zara ก็ได้รับอานิสงส์จากรายงานยอดขายช่วงฤดูหนาวที่สดใส อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปกลับเผชิญแรงกดดันจากแรงขายทำกำไรบรรดาหุ้นกลุ่มการเงิน ซึ่งปรับตัวได้ดีในช่วงที่ผ่านมา
 
ในส่วนตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหวไปตามภาวะของตลาดการเงิน และมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด โดยแม้ภาวะทยอยเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินจะกดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สูงขึ้นบ้าง แต่การปรับตัวขึ้นก็ถูกจำกัด โดยมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงมั่นใจว่า เฟดยังมีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ได้ และอาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีกราว 2-3 ครั้ง ในปีหน้า ทำให้โดยรวมบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 4.08% (กรอบ 4.05%-4.09%) โดยเราประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน จนกว่าตลาดจะรับรู้ผลการประชุม FOMC เดือนธันวาคม ในสัปดาห์หน้า 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวทยอยอ่อนค่าลงอีกครั้ง หลังผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม FOMC เดือนธันวาคม ตามรายงานข้อมูลการจ้างงานโดย ADP ล่าสุด ที่ออกมาแย่กว่าคาดไปมาก ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยปรับตัวลดลงสู่โซน 98.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.8-99.2 จุด)  ในส่วนของราคาทองคำ แม้การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์จะพอช่วยหนุนราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2026) บ้าง ทว่าราคาทองคำยังคงเผชิญแรงกดดันจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ทำให้ ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวแถว โซน 4,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม โดย Revelio (ที่ถูกออกแบบมาให้สะท้อนยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม โดยทางการสหรัฐฯ หรือ BLS) รวมถึง ยอดการประกาศเลิกจ้าง (Challenger Job Cuts) และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims)  

ทางฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนตุลาคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน พร้อมทั้งรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB   

และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังสหรัฐฯ ได้พยายามยุติสงครามดังกล่าวอีกครั้ง 

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) มีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น และอาจจบสิ้นปีแถวระดับ 31.85+/-0.25 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราคาดการณ์ไว้ในรายงานบทวิเคราะห์ Global FX Outlook 2026 (สามารถอ่านได้ใน LineOA หรือขอรับบทวิเคราะห์ฉบับบเต็มจากทาง Sales ของ Krungthai Global Markets) สอดคล้องกับโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทที่ยังคงมีกำลังอยู่ อย่างไรก็ดี เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดอาจรอรับรู้ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางสำคัญ ทั้ง เฟด ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รวมถึง ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะถือครองที่ชัดเจนอย่างมีนัยสำคัญได้ โดยเฉพาะในส่วนของการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า หลังผู้เล่นในตลาดได้คาดหวังและรับรู้แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดไปหมดแล้ว (Fully Priced-In) ทำให้อาจต้องระวังความเสี่ยงที่มุมมองของผู้เล่นในตลาดจะปรับเปลี่ยนจากวันนี้ จนถึงช่วงการประชุมเฟด รวมถึง ความเสี่ยงที่สุดท้ายเฟดอาจคงดอกเบี้ย สวนทางกับการคาดการณ์ของตลาด (รวมถึงเรา) ได้

เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนของตลาดการเงินที่อาจสูงขึ้น ในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนของข้อมูลตลาดแรงงานจากทาง Revelio และ Challenger โดยหากข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ยังคงสะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง ก็อาจไม่ได้กระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ตลาดการเงินอาจยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อ ส่วนเงินดอลลาร์อาจเคลื่อนไหว Sideways หรือย่อตัวลงเล็กน้อยแบบ Sideways Down แต่หากข้อมูลดังกล่าวออกมาดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง ทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้ 

เราประเมินว่า ความผันผวนของเงินบาทเสี่ยงที่จะสูงขึ้นและอย่างน้อยก็อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด รวมถึงบรรดาธนาคารกลางหลักต่างๆ ประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องจับตาทั้งสถานการณ์ Government Shutdown (ที่จะกลับมาอีกครั้งในช่วงต้นปี 2026) และการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าโดยศาลสูงสุด (Supreme Court) ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.80-32.05 บาท/ดอลลาร์

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 04 ธ.ค. 2568 เวลา : 11:15:31

04-12-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 4, 2025, 12:41 pm