.jpg)
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำยังคงทรงตัวได้เหนือระดับ 4,300 เหรียญ หลังเผชิญแรงเทขายทำกำไร ภายหลังราคาปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่บริเวณ 4,375 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน สะท้อนภาพรวมตลาดที่ยังแข็งแกร่งและเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น โดยราคาส่วนใหญ่ยังคงแกว่งตัวในกรอบ 4,310–4,340 เหรียญ
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดสะท้อนสัญญาณเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI y/y) เดือนพฤศจิกายนออกมาอยู่ที่ 2.7% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.1% และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI y/y) อยู่ที่ 2.6% ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 ตอกย้ำว่าแรงกดดันเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กำลังทยอยคลี่คลายลงอย่างต่อเนื่อง ด้านตลาดแรงงาน ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอยู่ที่ 224,000 ราย บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเริ่มเข้าสู่ภาวะทรงตัว สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่กำลังเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น จากเดิมที่มีสัญญาณชะลอตัว ส่งผลให้ความกังวลด้านเงินเฟ้อลดลง และเปิดทางให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีพื้นที่ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป ขณะเดียวกัน ในช่วงประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงทำจุดต่ำสุดบริเวณ 98.17 จุด ก่อนฟื้นตัวมาทรงตัวที่ระดับ 98.4 จุด
สำหรับทิศทางราคาทองคำ สถาบันการเงินรายใหญ่อย่าง JP Morgan และ Bank of America (BofA) ยังคงมีมุมมองเชิงบวก และคาดว่าราคาทองมีโอกาสปรับขึ้นแตะระดับ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2569 ขณะที่ กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 1,052.54 ตันภาพรวมเดือนธันวาคม ซื้อสุทธิ 7.11 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 179.16 ตัน
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ในเชิงเทคนิค ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่บริเวณ 4,375 เหรียญ ทดสอบแนวต้านใกล้เคียงจุดสูงสุดเดิม (All Time High) ก่อนเผชิญแรงขายทำกำไร โดยภาพรวม คาดว่าปริมาณการซื้อขายทองคำจะเริ่มเบาบางลง เนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลวันหยุดคริสต์มาส ส่งผลให้ทิศทางราคาอาจมีความผันผวนมากขึ้นจากสภาพคล่องที่ลดลง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหลักของราคาทองคำยังคงอยู่ในทิศทาง Sideway Up ในระยะนี้ นักลงทุนยังต้องระมัดระวังความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น โดยกลยุทธ์ยังคงเน้นการ รอจังหวะย่อตัวเพื่อสะสม (Buy on Dip)
ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,315-4,290 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,350-4,375 เหรียญ ขณะที่ทองไทยจะมีแนวรับที่ 63,800 บาท และแนวต้านที่ 64,800 บาท
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 4,300 เหรียญ และแนวต้าน 4,360 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 4,315 เหรียญ และแนวต้าน 4,375เหรียญ Gold Futures Series V25 จะมีแนวรับที่ระดับ 64,200 บาท และแนวต้านที่ระดับ 65,000 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้นการวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำให้ซื้อขายในกรอบ ตามแนวโน้ม “Sideway Up” รอย่อซื้อมาราคาย่อตัว และแบ่งขายปิดทำกำไรตามกรอบแนวต้าน ทั้งนี้ควรระมัดระวังความผันผวนของราคา
-นักลงทุนที่ถือ Long Position
ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง
ข่าวเด่น