กองทุนรวม
MFC เสิร์ฟกองทุน MDSHARC1YE ลดเสี่ยงขาดทุนเงินต้น ทำกำไรหุ้นสหรัฐฯ ทั้งขาขึ้น - ขาลง


บลจ.เอ็มเอฟซี ส่งกองทุนใหม่ "MDSHARC1YE" ลดความเสี่ยงขาดทุนเงินต้น พร้อมสร้างโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากกองทุน SPDR S&P500 ETF Trust (SPY) ทั้งขาขึ้นและขาลง เปิดขาย IPO  ดีเดย์ 6-16 ก.พ.67 

 
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) MFC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า บลจ.เอ็มเอฟซี ได้เปิดตัว "กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี Complex Structured Return 1YE ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย" หรือ MDSHARC1YE  เป็นกองทุนรวมซึ่งมีกลยุทธ์สำหรับผู้ลงทุนที่คาดหวังอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ 0.25% ต่อปี พร้อมเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง จากการลงทุนในสัญญาออปชั่นหรือวอร์แรนท์ที่อ้างอิงการเปลี่ยนแปลงของราคากองทุน SPDR S&P500 ETF Trust (SPY) ทั้งขาขึ้นและลงแบบ Dual Shark Fin โดยเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งเดียว (IPO) ตั้งแต่วันที่ 6-16 กุมภาพันธ์ 2567 เงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท
 
 
กองทุน MDSHARC1YE เป็นกองทุนรวมผสม (ระดับความเสี่ยงกองทุน 5) อายุโครงการ 1 ปี มีนโยบายการลงทุนแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและ/หรือเอกชนและ/หรือเงินฝากทั้งในและ/หรือต่างประเทศ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ประมาณ 97.50 – 99.00% ของ NAV ทั้งนี้ กองทุนจะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน สําหรับการลงทุนในตราสารหนี้ และ/หรือเงินฝากต่างประเทศทั้งจำนวน
 
ส่วนที่ 2 ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ประเภทสัญญาออปชั่นหรือวอร์แรนท์ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับกองทุน SPDR S&P500 ETF Trust (SPY) ซึ่งสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับกองทุน จากการเปลี่ยนแปลงของราคา SPDR S&P500 ETF Trust (SPY)  ทั้งขาขึ้นและลง (ในกรอบที่กำหนดไว้ในสัญญา) โดยเงินลงทุนส่วนนี้กองทุนจะลงทุนประมาณ 1.00 – 2.50% ของ NAV และจะไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการลงทุนในสัญญาออปชั่นหรือวอร์แรนท์
 
สำหรับผลตอบแทนของกองทุน MDSHARC1YE ได้กำหนดเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทน ณ วันครบกำหนดอายุโครงการ แบ่งเป็น 4 กรณี ดังนี้ กรณีที่ 1 เมื่อราคาสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันทำการใดวันทำการหนึ่งที่อยู่ในช่วงระหว่างอายุสัญญา หรือ ณ วันพิจารณาสินทรัพย์อ้างอิง ปรับลดลงมากกว่า -20%  หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า +20% เมื่อเทียบกับวันเริ่มต้นสัญญา ถือว่า Knock Out ผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน บวกกับผลตอบแทนจากตราสารหนี้และ/หรือเงินฝาก 0.25% 
 
กรณีที่ 2 เมื่อราคาสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันพิจารณาปรับลดลงมากกว่า -5% แต่ไม่เกิน -20% เมื่อเทียบกับวันเริ่มต้นสัญญา ผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน บวกกับผลตอบแทนจากตราสารหนี้และ/หรือเงินฝาก 0.25% บวกกับผลตอบแทนจากสัญญาออปชั่นหรือวอร์แรนท์ 
 
กรณีที่ 3 เมื่อราคาสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันพิจารณาปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า +5% แต่ไม่เกิน +20% เมื่อเทียบกับวันเริ่มต้นสัญญา ผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน บวกกับผลตอบแทนจากตราสารหนี้และ/หรือเงินฝาก 0.25% บวกกับผลตอบแทนจากสัญญาออปชั่นหรือวอร์แรนท์
 
กรณีที่ 4 เมื่อราคาสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันพิจารณาอยู่ในกรอบ โดยลดลงไม่เกิน -5% หรือเพิ่มขึ้นไม่เกิน +5% เมื่อเทียบกับวันเริ่มต้นสัญญา ผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน บวกกับผลตอบแทนจากตราสารหนี้และ/หรือเงินฝาก 0.25%  ซึ่งผลตอบแทนทั้ง 4 กรณียังไม่ได้รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
 
“จุดเด่นของกองทุน MDSHARC1YE ซึ่งมีการลงทุนผสมผสาน 2 สินทรัพย์ ระหว่างตราสารหนี้หรือหุ้นกู้ และตราสารอนุพันธ์ ประเภทออปชั่น โดยผลรวมของสองสินทรัพย์สามารถคาดหวังอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนขั้นต่ำ 0.25% ต่อปี ขณะเดียวกันสร้างโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากออปชั่นไม่ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะขึ้นหรือลงในกรอบที่กำหนดไว้ในสัญญา เมื่อสิ้นสุดโครงการ” นายธนโชติ กล่าว
 
สำหรับมุมมองภาพรวมตลาดต่างประเทศในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 นี้ บลจ.เอ็มเอฟซี มีมุมมองว่าตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว  โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหุ้นหลักของโลกมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้สิ้นสุดลงแล้วและเศรษฐกิจจะเป็นภาพของ Soft Landing อัตราเงินเฟ้อชะลอลง ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนอาจยังกังวลกับความผันผวนของตลาดจากปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุน บลจ.เอ็มเอฟซี จึงนำเสนอกองทุน MDSHARC1YE เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งในการลงทุน
 
ทั้งนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทน ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง  รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนรวมนี้เสนอขายเฉพาะผู้มีเงินลงทุนสูง และเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน  ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงเวลา 1 ปีได้ กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออก ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าวผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก  กองทุนนี้มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนสําหรับการลงทุนในตราสารหนี้และหรือเงินฝากต่างประเทศทั้งจำนวนแต่จะไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการลงทุนในสัญญาออปชั่นหรือวอร์แรนท์ ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้  สามารถขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 สาขาแจ้งวัฒนะ โทร. 0-2835-3055-57 สาขา     ปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร.043-204-014-16 สาขาเชียงใหม่ โทร.0-5321-8480-82 สาขาระยอง โทร. 033-100-340 สาขาหาดใหญ่ โทร. 074-232-324 - 25 หรือที่ www.mfcfund.com
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 05 ก.พ. 2567 เวลา : 15:07:50
27-07-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (26 ก.ค.67) บวก 15.63 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,307.21 จุด

2. ประกาศ กปน.: ด่วน!!! คืนวันพรุ่งนี้ 27 ก.ค. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำลาดพร้าว

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (26 ก.ค.67) บวก 8.27 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,299.85 จุด

4. MTS Gold คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,380 เหรียญ และแนวต้าน 2,420 เหรียญ

5. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.15-36.40 บาท/ดอลลาร์

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (25 ก.ค.67) ร่วง 62.20 เหรียญ นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังราคาพุ่งขึ้น

7. ตลาดหุ้นไทยเปิด (26 ก.ค.67) บวก 0.32 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,291.90 จุด

8. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (25 ก.ค.67) บวก 81.20 จุด ขานรับ GDP สหรัฐโตเกินคาด

9. ทองเปิดตลาด (26 ก.ค. 67) ลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 41,150 บาท

10. มรสุมกำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพปริมณฑล-ภาคตะวันออก 70% ภาคเหนือ-ภาคอีสาน-ภาคกลาง 60% ภาคใต้ 30%

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (26 ก.ค.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 36.22 บาทต่อดอลลาร์

12. ประกาศ กปน.: 31 ก.ค. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนเพชรบุรี

13. ตลาดหุ้นปิด (25 ก.ค.67) ลบ 6.50 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,291.58 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 ก.ค.67) ลบ 5.36 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,292.72 จุด

15. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับที่ระดับ 2,350 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,400 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 27, 2024, 7:48 am