กองทุนรวม
MFC ชี้จังหวะลุยกองตราสารหนี้สหรัฐฯ "MUBOND" ชูกอง Hedge & Unhedged รับเฟดลดดอกเบี้ย ก.ย. นี้


บลจ.เอ็มเอฟซี ชี้โอกาสทองลงทุน "ตราสารหนี้สหรัฐฯ"  คาด Fed ปรับลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย. นี้  หลังตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัว ชูกองทุน "MUBOND - MUBONDUH" เน้นลงทุนตราสารหนี้คุณภาพดีในสหรัฐฯ Credit Rating ระดับ AA  โอกาสผิดนัดชำระหนี้ต่ำ มีให้เลือกลงทุนทั้งแบบป้องกันความเสี่ยงค่าเงินและอีกทางเลือกแบบไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ลุ้นผลตอบแทน 2 เด้งจากค่าเงินบาทอ่อน
 
 
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า บลจ.เอ็มเอฟซี มองระยะสั้นเป็นโอกาสดีในการเพิ่มน้ำหนักการลงทุน  (Overweight) “ตราสารหนี้ต่างประเทศ"  ซึ่งล่าสุดได้ปัจจัยหนุนจากตลาดคาดหวังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.นี้ มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น 90% (CME FEDWATCH TOOL ณ 23 ก.ค. 67) หลังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญและตลาดแรงงานชะลอ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (ISM) หดตัวอยู่ที่ 48.8 ในเดือน มิ.ย จาก 53.8 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 63 บ่งชี้เศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงได้ ขณะที่การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ชะลอลงมาอยู่ที่ 206,000 ตำแหน่ง ในเดือน มิ.ย. อัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ 4.1% สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 64
 
ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯทรงตัวที่ 4.25% และปรับตัวลงในรุ่นอายุ 2 ปีที่ 4.51% (23 ก.ค. 67) โดยคาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี มีแนวโน้มปรับตัวลงที่ 4.00% ณ สิ้นปี ส่งผลบวกต่อราคาตราสารหนี้สหรัฐฯ ส่วนทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐฯ มองแนวโน้มชะลอลงได้เนื่องจากโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวในช่วงครึ่งปี ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 3.0% YoY ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 64 และเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงเช่นกันที่ 3.3% YoY
 
"ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีโอกาสปรับลดลง Fed Dot Plot คาดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 5.125% ในปี 67 และ 4.125% ในปี 68 จึงคาดปรับลดดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ และลดลงต่อเนื่องอีก 1.00% หรือ 4 ครั้ง ในปี 68  อย่างไรก็ตาม ตลาดคาด Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 2 ครั้ง ซึ่งมากกว่า Fed Dot Plot  และลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก 0.25% ในเดือน ก.ย.นี้ จึงมองเป็นโอกาสทองของการลงทุนตราสารหนี้สหรัฐฯ" นายธนโชติ กล่าว
 
อย่างไรก็ตามจากมุมมองทั้งระยะสั้นและระยะยาว “Overweight” ตราสารหนี้ต่างประเทศ จึงแนะนำกองทุนเปิด เอ็มเอฟซี ยูเอส แอกกริเกท บอนด์ ฟันด์ หรือ MUBOND มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ยูเอส แอกกริเกท บอนด์ ฟันด์ Unhedged หรือ MUBONDUH ไม่มีนโนบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือ JPMorgan Funds - US Aggregate Bond Fund 
นายธนโชติ กล่าวอีกว่า จุดเด่นของกองทุน MUBOND-MUBONDUH ซึ่งคัดลงทุนเฉพาะตราสารหนี้สหรัฐฯ คุณภาพสูง ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ  หุ้นกู้เอกชนคุณภาพสูง และ Agency MBS ซึ่งมีอันดับเครดิตเฉลี่ย AA ซึ่งทนทานหากเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย และมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ต่ำ ด้านอัตราผลตอบแทน (Yield) อยู่ระดับสูงน่าสนใจ มี Yield to Maturity ที่ 5.58% และมีอายุเฉลี่ยของพอร์ตการลงทุน (Duration) อยู่ที่ 6.02 ปี ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ ทำให้ Yield ปรับลดลง ส่งผลดีตราสารหนี้ที่มี Duration ยาว ได้รับโอกาสรับส่วนต่างราคา Capital Gain รวมทั้งกองทุนหลักยังมีความผันผวนระดับต่ำ Volatility 5 ปีอยู่ที่ 4.95% และ 10 ปีอยู่ที่ 4.00% และผลงานของกองทุนหลักในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว, ถดถอย สามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่น และยังได้รับ Morningstar 4 ดาว ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลังสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) สูงกว่าดัชนีชี้วัด (BM) ได้อย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่ปี 2551 
 
บลจ.เอ็มเอฟซี ยังมองในจังหวะนี้กองทุน MUBONDUH ที่ไม่มีนโนบายป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน มีโอกาสรับผลตอบแทนแบบจัดเต็ม 2 ต่อ โดยต่อที่ 1 รับกำไรส่วนต่าง (Capital Gain) จากการปรับลงของดอกเบี้ย ซึ่งพอร์ตการลงทุนของกองทุนมี Duration ยาวถึงประมาณ 6 ปี ทำให้มีโอกาสได้รับประโยชน์มากกว่า ในช่วงดอกเบี้ยขาลง ส่วนต่อที่ 2 รับส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate) จากค่าเงินบาทไทยแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐฯ ค่า RSI เริ่มเข้าสู่โซน Oversold ซึ่งมีโอกาสให้เงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าขึ้นได้
 
นอกจากนี้กองทุนยังแบ่งชนิดหน่วยลงทุนเป็น 2 ชนิด ได้แก่ 1.) ชนิดจ่ายเงินปันผล  สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่ต้องการรับผลตอบแทนจากเงินปันผล และ 2.) ชนิดสะสมมูลค่า สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่ต้องการรับรายได้จากส่วนต่างการลงทุน ซึ่งกองทุนจะนำผลประโยชน์จากการลงทุนไปลงทุนต่อ โดยผู้สนใจสามารถลงทุนได้ขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 4 (ปานกลางค่อนข้างต่ำ) 
 
ทั้งนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อน การตัดสินใจลงทุน กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและ/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก ผู้ลงทุนสามารถขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์  0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 สาขาแจ้งวัฒนะ โทร.0-2835-3055-57 สาขา ปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร.043-204-014-16 สาขาเชียงใหม่ โทร. 0-5321-8480-82 สาขาระยอง โทร. 033-100-340 สาขาหาดใหญ่ โทร. 074-232-324 - 25 หรือที่ www.mfcfund.com
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 ก.ค. 2567 เวลา : 14:05:11
18-10-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (17 ต.ค. 67) บวก 10.01 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,495.02 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 ต.ค.67) บวก 10.20 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,495.21 จุด

3. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,650 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,695 เหรียญ

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (16 ต.ค.67) บวก 0.46% รับแรงหนุนบอนด์ยีลด์ร่วง

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (16 ต.ค.67) บวก 337.28 จุด รับหุ้นแบงก์พุ่งผลประกอบการแกร่ง

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (17 ต.ค. 67) ปรับขึ้น 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 42,600 บาท

7. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.10-33.35 บาท/ดอลลาร์

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (17 ต.ค.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง ที่ระดับ 33.20 บาทต่อดอลลาร์

9. ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคใต้ตอนบนและภาคตะวันออก ส่งผล "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคตะวันออก-ภาคใต้" ฝนตก 60% ภาคกลาง 40% ภาคเหนือ 30% ภาคอีสาน 20%

10. ตลาดหุ้นไทยเปิด (17 ต.ค.67) บวก 7.69 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,492.70 จุด

11. ตลาดหุ้นปิด (16 ต.ค.67) บวก 19.98 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,485.01 จุด

12. ประกาศ กปน.: 24 ต.ค. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนสุวินทวงศ์

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (16 ต.ค.) ปิดที่ 1,467.80 จุด บวก 2.77 จุด

14. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,640 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,680 เหรียญ

15. ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.33 บาทต่อดอลลาร์ "แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง"

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 18, 2024, 10:01 am