กองทุนรวม
WHAIR เคาะราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 4 ที่ 6.40 บาทต่อหน่วย เตรียมเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อ 26 - 28 พ.ย.นี้ จ่อโอนทรัพย์สินส่งท้ายปี


กองทรัสต์ WHAIR ประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 4 ที่ราคา 6.40 บาทต่อหน่วย เตรียมเปิดให้ประชาชนทั่วไป จองซื้อระหว่างวันที่ 26 – 28 พ.ย. 2567 ผ่าน ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) และผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด หลังเสนอขายผู้ถือหน่วยเดิม ระหว่างวันที่ 18 – 22 พ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าตอกย้ำการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินคุณภาพสูงเขตพื้นที่ EEC ในนิคมฯ WHA Group ชูประมาณการยีลด์จากเงินปันผลปีแรกสูง 8.59% 

หลังจากที่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล “WHAIR” ประกาศเพิ่มทุนครั้งที่ 4 เพื่อลงทุนเพิ่มเติมในสิทธิการเช่าที่ดิน อาคารโรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูป ระยะเวลา 30+30 ปี ในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group ซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์หลักสำหรับอุตสาหกรรมและการผลิตของประเทศ โดยปัจจุบันได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิต และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สะท้อนถึงอัตราการเช่าพื้นที่ของทรัพย์สินที่ WHAIR ลงทุนอยู่ในปัจจุบันที่อยู่ในระดับสูงเกินกว่า 90% และทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมมีอัตราการเช่าเต็มพื้นที่ 100% สำหรับกองทรัสต์ WHAIR   ถือเป็นกองรีท กลุ่ม Industrial REIT ที่มีศักยภาพโดดเด่น เนื่องจากทรัพย์สินส่วนใหญ่ของ WHAIR ตั้งอยู่ในเขต EEC ซึ่งเป็นจุดหมายด้านการผลิตและการลงทุนของภูมิภาคที่สำคัญของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่

นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHAIR เปิดเผยว่า ทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHAIR ลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ มีศักยภาพในการสร้างรายได้ และโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุน ซึ่งสอดรับกับภาพรวมตลาดทุนที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงแนวโน้มนโยบายการเงินและทิศทางอัตราดอกเบี้ย ที่เป็นขาลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว 2 รอบ ตั้งแต่กันยายน ที่ผ่านมา รวมถึงการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว 0.25% เมื่อเดือนตุลาคม และคาดการณ์ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังต่อเนื่องไปจนถึง ปี 2568 ทำให้ดัชนีราคาของ Property Fund & REIT (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์และรีท) เริ่มทยอยปรับตัวขึ้น จึงถือเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุนในการเลือกลงทุนในกองรีทที่มีผลงานคุณภาพดี 

หลังจากที่กองทรัสต์ WHAIR ได้เปิดเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม ระหว่างวันที่ 18 – 22 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา โดยล่าสุดได้กำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ที่ราคา 6.40 บาทต่อหน่วย สะท้อนถึงประมาณการอัตราเงินจ่ายประโยชน์ตอบแทนปีแรก (Dividend Yield) ภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้ สูงถึง 8.59% ซึ่งถือเป็นโอกาสในการคว้าผลตอบแทนที่ดีสำหรับผู้ถือหน่วยทรัสต์ และจะเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อระหว่างวันที่ 26 – 28 พ.ย. 2567 ผ่าน ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด

 
นางสาวจารุชา สติมานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ WHAIR เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมากองทรัสต์ WHAIR มีผลการดำเนินการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดอัตราการเช่าของกองทรัสต์ ณ สิ้นไตรมาส 3 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 93.6% อีกทั้งทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบนพื้นที่ EEC และมีอัตราการเช่าเต็ม 100% สะท้อนถึงความน่าลงทุนประกอบกับประมาณการณ์ผลตอบแทนปีแรกในระดับสูง ซึ่งภายหลังจากการระดมทุนแล้วเสร็จ คาดว่ากองทรัสต์จะสามารถโอนทรัพย์สิน ได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์รวมแตะ 14,000 ล้านบาท และมีพื้นที่อาคารและคลังสินค้าสำเร็จรูปให้เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 468,990 ตารางเมตร  

 “ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 กองทรัสต์ฯ มีรายได้รวม 675.77 ล้านบาทและมีการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน (กำไรสุทธิ) เท่ากับ 433.02 ล้านบาท โดยได้ประกาศจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์จากรอบผลการดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. – 20 พ.ย. 2567 และกำไรสะสมในอัตรา 0.2229 บาทต่อหน่วย และกำหนดจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยในวันที่ 17 ธ.ค. 2567 ซึ่งการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับกองทรัสต์ และเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ รวมถึงเป็นการกระจายความเสี่ยงของกองทรัสต์ด้วย”

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 พ.ย. 2567 เวลา : 11:46:34
27-12-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (26 ธ.ค.2567) ลบ 3.05 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,397.80 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (26 ธ.ค.67) ลบ 5.02 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,395.83จุด

3. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับที่ระดับ 2,610 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,645 เหรียญ

4. ประเทศไทยอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 5 องศา "ยอดภู" 7 องศา

5. ตลาดหุ้นไทยเปิด (26 ธ.ค.67) ลบ 0.03 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,400.60 จุด

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (26 ธ.ค. 67) ปรับขึ้น 150 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 43,050 บาท

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (26 ธ.ค.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์

8. ประกาศ กปน.: 26 ธ.ค. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนแจ้งวัฒนะตัดถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด

9. ตลาดหุ้นปิด (25 ธ.ค.2567) บวก 6.18 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,400.85 จุด

10. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 ธ.ค.2567) บวก 4.35 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,399.02 จุด

11. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.67) พุ่ง 390.08 จุด หุ้นเทคฯ-หุ้น Growth Stocks หนุนตลาด

12. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.67) บวก 7.30 เหรียญ ตลาดจับตาทิศทางดอกเบี้ยเฟด

13. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,605 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,640 เหรียญ

14. "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 5 องศา มีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ "ยอดภู" 7 องศา "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก" อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา

15. ตลาดหุ้นไทยเปิด (25 ธ.ค.67) บวก 5.68 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,400.35 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 27, 2024, 10:15 am