เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "แกว่งในกรอบ หากผ่าน 1460 ไปต่อ"



SET ในช่วงสั้นมองแกว่งในกรอบระหว่าง 1440-1460 จุด ส่วนภาพรวมยังมีสัญญาณต่อภาพการไต่ระดับ โดยจุดติดตามอยู่ที่กรอบบน 1460 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อ และมีแนวต้านถัดไปที่ 1470 จุด ปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินกองทุนประหยัดภาษี และดอลลาร์อ่อน บาทแข็ง เป็นบวกต่อ fund flow ประเด็นสำคัญ วันนี้ ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ

ประเด็นสำคัญ

• โอเปกพลัสมีมติเลื่อนการเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันออกไป 3 เดือนถึง เม.ย. 68 และขยายเวลายกเลิกมาตรการลดกำลังผลิตออกไปอีก 1 ปีถึงสิ้นปี 2569 จากอุปสงค์ที่ซบเซา แต่ ปท. นอกกลุ่มฯ กลับมีการผลิตพุ่งสูง

• ปธ. เฟดเผย ศก. สหรัฐขณะนี้แข็งแกร่งมากกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้ในเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดเริ่มปรับลด ดบ. พร้อมกับส่งสัญญาณถึงการปรับลด ดบ. อย่างค่อยเป็นค่อยไปในอนาคต

• ททท. คาดการท่องเที่ยวในปี 68 ดีขึ้น หนุนจากนโยบายกระตุ้น ศก. และการท่องเที่ยว คาด นทท. ต่างชาติจะมาไทยแตะ 40 ล้านคนเป็นครั้งแรก ตามนโยบาย รมว.ท่องเที่ยว สูงกว่าเป้าที่ ททท. ตั้งไว้ที่ 39.5 ล้านคน

• บอร์ดอีวีอนุมัติมาตรการลดภาษีหนุน HEV-MHEV ที่ผลิตใน ปท. หนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า และปรับปรุงเงื่อนไขมาตรการ EV3 ปลดล็อกเวลาผลิตชดเชยหลังยอดขายชะลอ

• กกร. เผย ม.หอการค้าไทยประเมินความเสียหายน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือน ก.ย. 67 อยู่ที่ 7.5 หมื่นลบ. คิดเป็น 0.5% ของ GDP ส่วนน้ำท่วมภาคใต้อาจมีมูลค่าความเสียหาย 0.5-1 พันลบ. คิดเป็น 0.03-0.06% ของ GDP

• รมว.คลัง, ผู้ว่า ธปท. และ ผบห. สถาบันการเงิน จะแถลงมาตรการแก้หนี้ของธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ และหนี้ SMEs ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกหนี้

• สนค.เผยเงินเฟ้อทั่วไป พ.ย.67 เพิ่มขึ้น 0.95%YoY ขยายตัวมากสุดในรอบ 3 เดือน แต่หดตัว 0.13%MoM ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน พ.ย .67 สูงขึ้น 0.80%YoY เร่งตัวขึ้นเล็กน้อยจาก ต.ค. 67 ที่สูงขึ้น 0.77%YoY

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะยังเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways ในกรอบ โดยมีแนวรับเชิงจิตวิทยาที่บริเวณ 1400 จุด และตลาดจะมีการรีบาวน์เป็นระยะๆ เป็นผลสืบเนื่องจากปัจจัยต่างประเทศยังค่อนข้างจำกัด โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มทรงตัว ขณะที่ภาคการค้าระหว่างประเทศของจีนยังมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีประเด็นใหม่ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุน และยังติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ  ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideways โดย Fund Flow ยังมีแนวโน้มไหลออกจาก EM หลังกังวลนโยบายกีดกันทางการค้าและในประเทศยังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น   ดังนี้ 

1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยว แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CPAXT CRC HMPRO TNP) และท่องเที่ยว (AWC AOT MINT) 

2. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไร 4Q67 จะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งเราแนะนำ Outperform เลือก GULF OSP AMATA AU TIDLOR BCP 

3. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนลดหย่อนภาษี แนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Div. Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5%, มี ESG Ratings และ CG สูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO

4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่คาดมีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 ใน 1H68 BANPU CCET COM7 SAWAD รวมทั้งหุ้นที่ได้อานิสงส์จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ แนะนำ HMPRO CPALL และ TASCO ขณะที่ระมัดระวังการลงทุนหุ้นกลุ่มการแพทย์, ยานยนต์ และวัสดุก่อสร้างที่กำไร 4Q67 มีโมเมนตัมอ่อนแอ

DAILY TOP PICKS

AOT : เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของเราในกลุ่มท่องเที่ยว โดยกำไรจะมีแนวโน้มเติบโตสดใสตามจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยปี FY2568 คาดกำไรจะเติบโต 18%YoY อิงจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ 84 ล้านคน เติบโต 15%YoY ซึ่ง 1QFY68 คาดกำไรจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากเข้าสู่ High Season ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

BBL : เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร โดยมองมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจาก 1) valuation ถูกที่สุด 2) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุด และ 3) สินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตสูงที่สุด โดยคาดสินเชื่อจะฟื้นตัวเติบโตได้ดีใน 4Q67 ซึ่งล่าสุด ต.ค. สินเชื่อเติบโตแข็งแกร่งที่สุดที่ 1.4%MoM แรงหนุนจากสินเชื่อกิจการต่างประเทศและสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่  
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 ธ.ค. 2567 เวลา : 11:15:59
26-12-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (26 ธ.ค.2567) ลบ 3.05 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,397.80 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (26 ธ.ค.67) ลบ 5.02 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,395.83จุด

3. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับที่ระดับ 2,610 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,645 เหรียญ

4. ประเทศไทยอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 5 องศา "ยอดภู" 7 องศา

5. ตลาดหุ้นไทยเปิด (26 ธ.ค.67) ลบ 0.03 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,400.60 จุด

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (26 ธ.ค. 67) ปรับขึ้น 150 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 43,050 บาท

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (26 ธ.ค.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์

8. ประกาศ กปน.: 26 ธ.ค. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนแจ้งวัฒนะตัดถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด

9. ตลาดหุ้นปิด (25 ธ.ค.2567) บวก 6.18 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,400.85 จุด

10. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 ธ.ค.2567) บวก 4.35 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,399.02 จุด

11. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.67) พุ่ง 390.08 จุด หุ้นเทคฯ-หุ้น Growth Stocks หนุนตลาด

12. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.67) บวก 7.30 เหรียญ ตลาดจับตาทิศทางดอกเบี้ยเฟด

13. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,605 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,640 เหรียญ

14. "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 5 องศา มีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ "ยอดภู" 7 องศา "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก" อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา

15. ตลาดหุ้นไทยเปิด (25 ธ.ค.67) บวก 5.68 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,400.35 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 26, 2024, 7:41 pm