เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
SCB EIC วิเคราะห์ "ธุรกิจบริการอาหารโตต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการกระตุ้นการบริโภค"


ธุรกิจบริการอาหารในปี 2568 ยังคงมีแนวโน้มเติบโต แม้ว่าการบริโภคภาคเอกชนอาจโตอย่างชะลอตัว แต่ยังมีปัจจัยหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะกลับเข้ามาสู่ระดับก่อน COVID-19 และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ แต่ยังต้องระวังปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เช่น การปรับเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำที่จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ขณะที่การแข่งขันยังมีแนวโน้มรุนแรง
 
• ธุรกิจบริการอาหารมีแนวโน้มฟื้นตัวดีต่อเนื่อง คาดว่ามูลค่าตลาดจะเติบโตราว 7% ในปี 2568 แม้ว่าการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนจะชะลอตัว แต่คาดว่านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐที่จะดำเนินการต่อเนื่องในปีหน้า รวมถึงแนวโน้มค่าแรงขั้นต่ำ หากมีการปรับขึ้น จะช่วยหนุนให้กำลังซื้อของผู้บริโภคดีขึ้น ประกอบกับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะช่วยหนุนยอดขายของธุรกิจบริการอาหาร อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยที่คาดว่าจะกระทบต่อธุรกิจที่ต้องติดตาม เช่น นโยบายปรับขึ้นค่าแรงจะส่งผลให้ต้นทุนปรับสูงขึ้นตาม เนื่องจากธุรกิจบริการอาหารเป็นธุรกิจที่พึ่งพาแรงงานที่รับค่าแรงขั้นต่ำจำนวนค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ธุรกิจบริการอาหารยังเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น จากผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาในตลาด ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวทั้งในด้านคุณภาพ และการให้บริการ รวมถึงการสร้างความแตกต่างและการบริหารจัดการต้นทุน เพื่อรักษายอดขายและความสามารถในการทำกำไร
 
• ธุรกิจบริการอาหารแบบ Full-service  คาดว่าจะเติบโต 7.8% ในปี 2568  โดยรับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยว รวมถึงกำลังซื้อเพิ่มขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยร้านอาหาร Chain มีโอกาสปรับตัวได้มากกว่าในการควบคุมต้นทุนเมื่อต้นทุนด้านแรงงานสูงขึ้น อีกทั้ง ยังสามารถนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อลดการจ้างพนักงาน เนื่องจากมีเงินทุนและสภาพคล่องที่มากกว่า นอกจากนี้ ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในธุรกิจบริการอาหารประเภทต่าง ๆ ทั้งจากในประเทศและจากต่างประเทศ สะท้อนได้จาก SSSG ในปี 2024 ของผู้ประกอบการบางรายในกลุ่ม Chain ที่หดตัว ซึ่งผู้ประกอบการพยายามกระตุ้นยอดขายโดยการจัดโปรโมชั่น ผู้ประกอบการจึงอาจต้องปรับกลยุทธ์หันมาสร้างเอกลักษณ์ พัฒนาคุณภาพ รวมไปถึงการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ตรงจุด เพื่อสร้าง Brand loyalty
 
• ธุรกิจร้านอาหาร Limited-service  คาดว่าจะเติบโต 4.4% ในปี 2568  นอกจากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มร้านอาหารประเภทนี้มีจำนวนสาขาที่เข้าถึงผู้บริโภค โดยเฉพาะการเติบโตของพื้นที่ Commercial estate เช่น พื้นที่ค้าปลีก พื้นที่สำนักงาน ตามพื้นที่เมืองต่าง ๆ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถขยายสาขาไปยังพื้นที่เหล่านี้ เพื่อเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น และยังตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าโดยการให้บริการที่รวดเร็วในเวลาเร่งรีบ ทั้งนี้แม้ว่าการขยายสาขาจะเป็นไปอย่างชะลอตัวและมีความระมัดระวังมากขึ้น แต่การเลือกขยายสาขาในพื้นที่เมืองใหญ่ มีศักยภาพ และประชากรหนาแน่นจะมีโอกาสช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านค้า 
 
• ร้านอาหารแบบคาเฟ่/บาร์  คาดว่าจะเติบโต 7.2% ในปี 2567 โดยได้รับแรงผลักดันจากการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค เช่น ความต้องการสถานที่สำหรับพบปะสังสรรค์และทำงานนอกสถานที่ รวมถึงความนิยมในการค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในร้านคาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยอดขายได้รับแรงหนุนจากการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรง ทำให้ผู้ประกอบการต้องสร้างความแตกต่าง สร้างเอกลักษณ์ในเมนูและการออกแบบร้าน เช่น ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น นำเสนอเมนูสุขภาพเพื่อดึงดูดลูกค้า รวมถึงการขยายช่องทางออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขาย
 
• ประเด็นด้าน ESG เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ผู้ประกอบการธุรกิจบริการอาหารเริ่มให้ความสำคัญโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยมีการกำหนดเป้าหมายเพื่อบรรลุความยั่งยืนในธุรกิจบริการอาหาร เช่น ด้านสิ่งแวดล้อม ร้านอาหารสามารถลดผลกระทบโดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและพลังงานทดแทน รวมถึงลดขยะอาหาร ส่วนในด้านสังคม ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการให้ค่าแรงและสวัสดิการที่ยุติธรรม สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น และเลือกซื้อวัตถุดิบที่มีจริยธรรม ส่วนในด้านธรรมาภิบาล ร้านอาหารอาจนำหลักการบริหารที่ยั่งยืนมาใช้ พร้อมปฏิบัติตามกฎหมาย ส่งเสริมมาตรฐานจริยธรรม และเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส

บทวิเคราะห์โดย... https://www.scbeic.com/th/detail/product/restaurant-021224

 
ผู้เขียนบทวิเคราะห์ : ชญานิศ สมสุข (chayanit.somsuk@scb.co.th) นักวิเคราะห์ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) SCB EIC Online : www.scbeic.com Line : @scbeic
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 ธ.ค. 2567 เวลา : 11:54:39
26-12-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (26 ธ.ค.2567) ลบ 3.05 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,397.80 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (26 ธ.ค.67) ลบ 5.02 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,395.83จุด

3. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับที่ระดับ 2,610 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,645 เหรียญ

4. ประเทศไทยอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 5 องศา "ยอดภู" 7 องศา

5. ตลาดหุ้นไทยเปิด (26 ธ.ค.67) ลบ 0.03 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,400.60 จุด

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (26 ธ.ค. 67) ปรับขึ้น 150 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 43,050 บาท

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (26 ธ.ค.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์

8. ประกาศ กปน.: 26 ธ.ค. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนแจ้งวัฒนะตัดถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด

9. ตลาดหุ้นปิด (25 ธ.ค.2567) บวก 6.18 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,400.85 จุด

10. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 ธ.ค.2567) บวก 4.35 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,399.02 จุด

11. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.67) พุ่ง 390.08 จุด หุ้นเทคฯ-หุ้น Growth Stocks หนุนตลาด

12. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.67) บวก 7.30 เหรียญ ตลาดจับตาทิศทางดอกเบี้ยเฟด

13. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,605 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,640 เหรียญ

14. "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 5 องศา มีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ "ยอดภู" 7 องศา "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก" อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา

15. ตลาดหุ้นไทยเปิด (25 ธ.ค.67) บวก 5.68 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,400.35 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 26, 2024, 8:02 pm