หุ้นทอง
PJW ฟอร์มสวย ปี 68 ปักธงรายได้ส่อแวว โต 15% ธุรกิจ New S-curve หนุนรายได้เข้าพอร์ตเพิ่ม 25%


บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก หรือ PJW เดินเกมรุก ปั้นธุรกิจ New S-curve อาทิ งานบริการซักผ้าอุตสาหกรรม และ วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ สร้างรายได้เพิ่ม 25% - มาร์จิ้นสูง หนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 20-23% พร้อมวางเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่เพิ่มเป็น 1 ใน 3 ของพอร์ต พร้อมปักธงรายได้ปี 68 โต 15%  

 
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ มองหาธุรกิจที่เป็น New S-curve ใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่1.กลุ่มบรรจุภัณฑ์ 2.กลุ่มงานชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ และ 3.กลุ่มธุรกิจ Healthcare   

และด้วยธุรกิจ New S-curve ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ ประเมินภาพรวมการดำเนินงานในปี 2568 มีทิศทางเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ คาดการอัตราการเติบโตของรายได้รวมเพิ่มขึ้น 15%  เป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจใหม่ (New S-curve) อย่างกลุ่มธุรกิจ Healthcare  ประกอบด้วย 2 กลุ่มธุรกิจที่บริษัทฯ ได้มีการลงทุนในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ 1.กลุ่มงานบริการซักผ้าอุตสาหกรรมและ 2.กลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ โดยทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจดังกล่าว เริ่มสร้างรายได้ให้บริษัทฯ ผลักดันผลการดำเนินงานในปี 2568 เติบโตแบบก้าวกระโดด และคาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2569 ดังนั้นในอนาคตสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจใหม่จะเติบโตย่างมีนัยยะสำคัญ ประกอบกับกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งจะผลักดันให้ภาพรวมของอัตรากำไรของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้น  

จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ในปี 2568 PJW จะมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจ Healthcare อยู่ที่ระดับ 25% และในปี 2569จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของรายได้รวม เนื่องจาก บริษัทฯ จะมีรายได้จากการจำหน่วยวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ อย่าง ถุงน้ำยาล้างไตผ่านหน้าท้อง ซึ่งคาดว่าสร้างยอดขายประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี

 สำหรับกลุ่มงานบริการซักผ้าอุตสาหกรรม ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าหลักมาจากโรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, โรงพยาบาลพระราม 9, โรงพยาบาลบีเอ็นเอช (BNH) และโรงพยาบาลศิริราช เป็นต้น ทำให้ปัจจุบัน บริษัทฯ มี Backlog ในมือแล้ว 360 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2567   ต่อเนื่องถึงปี 2568 ส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวในปี 2568 ที่ระดับ 600 ล้านบาท  

 ขณะที่กลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ ในปี 2572 จะเห็นสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจ Healthcare เพิ่มเป็น 50% ของพอร์ต จากการจำหน่ายวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์เพิ่มขึ้น 3 ผลิตภัณฑ์ 1).เครื่องให้ความชื้นหัวเตียง (Oxygen Humidifier) โดย บริษัทฯ จะเป็นผู้ผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า และมีคุณสมบัติที่จะส่งออกไปในภูมิภาคอาเซียน  โดยในปี 2568 บริษัทฯ มีการทำตลาดในประเทศไทย และคาดว่าจะทยอยส่งออก เพื่อเจาะตลาดต่างประเทศในปี 2569   2).สายยางสำหรับผู้ป่วยฟอกไต คาดว่าจะทำตลาดในปี 2568 และ 3).ถุงน้ำยาล้างไตผ่านหน้าท้อง คาดปี 2569 จะสามารถจำหน่ายได้    

 “ในปี 2567 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้จากกลุ่มงานบริการซักผ้าอุตสาหกรรม ประมาณ 360 ล้านบาท และในปี 2568 รายได้จะเพิ่มขึ้นเกือบ 600 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้จากกลุ่ม Healthcare แตะระดับ 700-800 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ 60-70% มาจากกลุ่มงานบริการซักผ้าอุตสาหกรรม ขณะที่รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ อยู่ที่ 30-40% โดยจะมีอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่ม Healthcare อยู่ในระดับที่สูงกว่ากลุ่มธุรกิจเดิม (กลุ่มบรรจุภัณฑ์ และกลุ่มงานชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์) หรืออยู่ที่ระดับ 22-25% (จากอัตรากำไรขั้นต้นรวมของบริษัทฯอยู่ที่ระดับ 18-20%)”

  ในปี 2568  PJW มีแผนปรับ Portfolio โดยพอร์ตของธุรกิจใหม่จาก New S-curve จะมีสัดส่วนรายได้เข้ามาเป็น 25% ขณะเดียวกันอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ จะเติบโต จากเดิมที่เคยทำได้ระดับ 18-20% เพิ่มเป็น 20-23% ขณะที่รายได้ของบริษัทฯ จะมีความมั่นคงมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มธุรกิจ Healthcare จะเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้แบบคงที่ นอกจากนี้ ในปี 2569 บริษัทฯ เตรียมนำสินค้ากลุ่ม Healthcare เจาะตลาดต่างประเทศ  

 สำหรับกลุ่มบรรจุภัณฑ์ เป็นธุรกิจ Cash cow (กลุ่มที่ยังทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ) มีการเติบโตต่อเนื่อง              ส่วนกลุ่มงานชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2567 มีการชะลอตัว แต่ในปี 2568 ยอดขายจากกลุ่มยานยนต์ของ PJW จะกลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะในปี 2569 จะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจาก backlog ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยล่าสุดบริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแม่พิมพ์เพิ่ม  

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 ธ.ค. 2567 เวลา : 12:18:56
26-12-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (26 ธ.ค.2567) ลบ 3.05 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,397.80 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (26 ธ.ค.67) ลบ 5.02 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,395.83จุด

3. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับที่ระดับ 2,610 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,645 เหรียญ

4. ประเทศไทยอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 5 องศา "ยอดภู" 7 องศา

5. ตลาดหุ้นไทยเปิด (26 ธ.ค.67) ลบ 0.03 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,400.60 จุด

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (26 ธ.ค. 67) ปรับขึ้น 150 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 43,050 บาท

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (26 ธ.ค.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์

8. ประกาศ กปน.: 26 ธ.ค. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนแจ้งวัฒนะตัดถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด

9. ตลาดหุ้นปิด (25 ธ.ค.2567) บวก 6.18 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,400.85 จุด

10. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 ธ.ค.2567) บวก 4.35 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,399.02 จุด

11. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.67) พุ่ง 390.08 จุด หุ้นเทคฯ-หุ้น Growth Stocks หนุนตลาด

12. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.67) บวก 7.30 เหรียญ ตลาดจับตาทิศทางดอกเบี้ยเฟด

13. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,605 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,640 เหรียญ

14. "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 5 องศา มีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ "ยอดภู" 7 องศา "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก" อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา

15. ตลาดหุ้นไทยเปิด (25 ธ.ค.67) บวก 5.68 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,400.35 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 26, 2024, 10:06 pm