เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ผันผวน ติดตามพิธีสาบานตน"


 

คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนก่อนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งปธน. ของทรัมป์ ซึ่งตลาดมีความกังวลต่อนโยบายด้านการค้า เป็นปัจจัยกดดันตลาด โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1330 และ 1325 จุด ตามลำดับ เป็นจุดลุ้นฟื้นตัว ด้านตลาดที่ขาดปัจจัยหนุน ทำให้กรอบบนถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1350-1360 จุด

ประเด็นสำคัญ

• คลังเร่งแก้กฎหมายเพิ่มอำนาจก.ล.ต. ลงดาบบจ. สร้างความโปร่งใสในตลาดทุน ที่ผ่านมาเห็นปัญหาแต่เข้าจัดการไม่ได้เพราะกฎหมายไม่รองรับ ระบุตลาดหุ้นขาลงไม่เหมาะออกกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)

• ททท. คาดช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 1.35 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5%YoY และมีรายได้ราว 3.4 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 7%YoY ส่วนใหญ่คาดเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนและนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีน เช่น มาเลเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

• กกพ. เปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเติมจาก SPP และ VSPP เฉพาะกับผู้ที่มีสัญญาซื้อขายเดิมอยู่แล้วเป็นเวลา 2 ปีถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2569 โดยรับซื้อพลังงานโซลาร์ 1 บาท/หน่วย, ลม 0.50 บาท/หน่วย และชีวมวล, ก๊าซชีวภาพ และขยะ 2.20 บาท/หน่วย

• สภาพัฒน์ฯ แนะนำรัฐบาลสร้างกลไกป้องสหรัฐฯ กีดกันการค้าไทย หลังพบบริษัทจีนจากสิงคโปร์มียอดขอส่งเสริมการลงทุนในไทยสูง และอาจถูกเพ่งเล็งมากขึ้น เสนอส่งเสริมบริษัทไทยเข้าถือหุ้นร่วมด้วย

• รมว. คลังสหรัฐฯ เผยหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ จะถึงเพดานที่กำหนดไว้ในวันอังคารที่จะถึงนี้ (21 ม.ค.) และจะเริ่มใช้มาตรการพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงการกู้ยืมเกินเพดานและความเสี่ยงที่จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้

• WSJ รายงานว่าคณะทำงานของปธน. ทรัมป์มีแผนจะเริ่มปฏิบัติการตรวจคนเข้าเมืองครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ โดยจะเริ่มในนครชิคาโกในวันที่ 21 ม.ค. หรือ 1 วันถัดจากวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

• IMF คาดปี 2568 เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.3% จากเดิมที่คาดการณ์ ที่ 3.2%, เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัว 2.7% จากเดิมคาดการณ์ที่ 2.2% และเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 4.6% จากเดิมคาดการณ์ที่ 4.5%

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด ทั้งนี้แม้มองปัจจัยภายนอกจากภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยมีท่าทีดีขึ้น รวมถึงผลประกอบการ 4Q67 ของ บจ. ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่ง และท่าทีของว่าที่ ปธน. สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังทำให้ตลาดคลายกังวลได้ในระดับนึง แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยภายในประเทศ (นอกเหนือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ) ยังมีแนวโน้มเปราะบางจากการขาดความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศ อีกทั้งกระแสเงินของนักลงทุนต่างชาติยังไม่มีสัญญาณกลับมาซื้อหุ้นไทยอย่างมีนัยฯ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET มีโอกาสฟื้นแต่ภาพรวมยังเปราะบางหลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้

1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการบริโภคจะเริ่มมีผลบังคับใช้ เช่น นำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุในวันที่ 27 ม.ค. นี้ แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO CPALL TNP) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CBG OSP) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT AOT) กลุ่มเนื้อสัตว์ (CPF BTG)

2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ AP KTB BBL PTT

3. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA AWC AU 

4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียกระทบอุปทานน้ำมัน เลือก PTTEP

DAILY TOP PICKS

KTB: มองเป็นหุ้นปันผลสูงซึ่งสามารถสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนภายใต้ภาวะตลาดหุ้นไทยที่ยังรอคอยปัจจัยชี้นำใหม่ๆ โดยคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2567 หุ้นละ 1.06 บาท (จ่ายปีละครั้ง) คิดเป็น Div. Yield สูงปีละ 4.9% ขณะที่ 4Q67 คาดกำไรจะเติบโต 50%YoY สูงสุดในกลุ่มธนาคาร

CPALL: 4Q67 คาดจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ โดยเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากเข้าสู่ High Season และยอดขายสาขาเดิมยังเติบโตแข็งแกร่ง อีกทั้งมาร์จิ้นยังกว้างขึ้นต่อเนื่องจากกมียอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลและการปรับลดดอกเบี้ยจะเพิ่ม Upside ให้กับประมาณการ
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 ม.ค. 2568 เวลา : 12:50:19
22-01-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.80-34.00 บาท/ดอลลาร์

2. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (21 ม.ค.68) บวก 10.50 เหรียญ เหตุดอลลาร์อ่อนค่า-แรงซื้อทองสินทรัพย์ปลอดภัย

3. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (21 ม.ค.68) ทำนิวไฮ พุ่ง 537.98 จุด ตลาดคลายกังวลสงครามการค้า

4. ตลาดหุ้นไทยเปิด (22 ม.ค.68) บวก 2.94 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,355.47 จุด

5. ทั่วไทยอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 4 องศา "ยอดภู" 7 องศา

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (22 ม.ค. 68) ปรับขึ้น 150 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 44,600 บาท

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (22 ม.ค.68) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 33.99 บาทต่อดอลลาร์

8. ตลาดหุ้นปิด (21 ม.ค.68) บวก 12.03 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,352.53 จุด

9. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (21 ม.ค.68) บวก 14.50 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,355.00 จุด

10. มวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา "ยอดดอย" หนาวจัด 3 องศา "ยอดภู" 7 องศา

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (21 ม.ค.67) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 34.10 บาทต่อดอลลาร์

12. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,700 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,730 เหรียญ

13. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 34.00-34.25 บาท/ดอลลาร์

14. ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (21 ม.ค.68) เวลา 9.59 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,348.32 จุด บวก 7.82 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,648.53 ล้านบาท

15. ทองเปิดตลาดวันนี้ (21 ม.ค. 68) ลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 44,400 บาท

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ January 22, 2025, 12:40 pm