เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ผันผวนในกรอบ 1330-1350 จุด"


คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบระหว่าง 1330-1350 จุด โดยคาดเงินบาทที่กลับมาแข็งค่า ทำให้แรงกดดันด้าน Fund Flow ไหลออกน้อยลง ทำให้แนวรับบริเวณ 1330 จุด ยังรองรับได้ ในขณะที่ตลาดยังกังวลถึงนโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศของทรัมป์ และตลาดที่ยังขาดปัจจัยหนุน ทำให้กรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1350 จุด

ประเด็นสำคัญ

• ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของปธน. ทรัมป์ ได้กล่าวถึงนโยบายต่างๆ ที่จะทำ เช่น ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานและลดราคาพลังงานในประเทศ, การเก็บภาษีอากรจากต่างประเทศ, ยกเลิกนโยบายส่งเสริมการผลิต EV เป็นต้น

• ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ธ.ค. 2567 อยู่ที่ 90.1 ลดลงจาก พ.ย.  ที่ 91.4 เนื่องจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอลงจากการเร่งผลิตเมื่อเดือน พ.ย. และเดือน ธ.ค. มีวันทำงานน้อย รวมทั้งน้ำท่วม และสภาพอากาศแปรปรวนในภาคใต้ยังไม่คลี่คลาย 

• ททท. ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอเลิกวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวจีน ด้านผู้ประกอบการเสนอลดวันพักลงจากเดิม 60 วัน เป็น 10-15 วัน คาดนักท่องเที่ยวจีนปี 2568 อยู่ที่ 8 ล้านคน จากปีก่อนที่ 6.73 ล้านคน 

• กระทรวงพาณิชย์เผย 29 กลุ่มสินค้าไทยที่มีความเสี่ยงอาจถูกสหรัฐฯ ใช้มาตรการทางภาษี ขณะที่สหรัฐฯ กำลังจับตาประเทศที่มีกลุ่มทุนจีนเข้าไปลงทุนเพื่อตั้งฐานการผลิตเพื่อเลี่ยงสงครามการค้า

• ผู้ว่า ธปท. คนปัจจุบันจะครบวาระในวันที่ 30 ก.ย. นี้และกระบวนการสรรหาจะต้องเริ่มภายใน 90 วันก่อนวันครบวาระ รมว. คลังเผยว่าต้องการผู้ว่า ธปท. ที่เป็นคนรุ่นใหม่และมีมุมมองไปข้างหน้า

• นายกฯ และคณะเดินทางร่วมประชุม World Economic Forum ที่เมือง Davos ระหว่างวันที่ 20-25 ม.ค. นี้ โดยมีเป้าหมายใช้เวทีดังกล่าวดึงดูดการลงทุนจากอุตสาหกรรมชั้นนำและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ

• EU ประกาศเลื่อนบังคับใช้มาตรการสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าออกไป 12 เดือน ส่งผลให้บริษัทรายใหญ่มีเวลาเตรียมพร้อมก่อนวันที่ 30 ธ.ค. 2568 และ SMEs มีเวลาก่อนวันที่ 30 มิ.ย. 2569

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด ทั้งนี้แม้มองปัจจัยภายนอกจากภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยมีท่าทีดีขึ้น รวมถึงผลประกอบการ 4Q67 ของ บจ. ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่ง และท่าทีของว่าที่ ปธน. สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังทำให้ตลาดคลายกังวลได้ในระดับนึง แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยภายในประเทศ (นอกเหนือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ) ยังมีแนวโน้มเปราะบางจากการขาดความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศ อีกทั้งกระแสเงินของนักลงทุนต่างชาติยังไม่มีสัญญาณกลับมาซื้อหุ้นไทยอย่างมีนัยฯ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET มีโอกาสฟื้นแต่ภาพรวมยังเปราะบางหลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้

1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการบริโภคจะเริ่มมีผลบังคับใช้ เช่น นำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุในวันที่ 27 ม.ค. นี้ แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO CPALL TNP) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CBG OSP) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT AOT) กลุ่มเนื้อสัตว์ (CPF BTG)

2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ AP KTB BBL PTT

3. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA AWC AU 

4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียกระทบอุปทานน้ำมัน เลือก PTTEP

DAILY TOP PICKS

BBL: Valuation ถูกที่สุดในกลุ่ม ซื้อขายด้วย PER และ PBV ปี 2568F ต่ำสุดที่ 6.2x (ค่าเฉลี่ยกลุ่ม 8x) และ 0.48x (ค่าเฉลี่ยกลุ่ม 0.8x) ตามลำดับ ความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุดในกลุ่ม คาดกำไรปี 2567 เติบโต 7%YoY และเติบโตต่อ 3%YoY ในปี 2568 หนุนจาก Credit Cost ลดลง, NIM และสินเชื่อขยายตัวดี และสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลง  

ADVANC: หุ้น Defensive ซึ่งกำไรเติบโตได้ต่อเนื่อง โดย 4Q67 คาดมีกำไรปกติ 8.7 พันลบ. เติบโต 23%YoY และ 3%QoQ แรงหนุนจากรายได้การให้บริการหลักที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและการควบคุมต้นทุนที่ดี ส่งผลให้ปี 2567 คาดมีกำไรปกติ 3.43 หมื่นลบ. เติบโต 20%YoY (สูงกว่าประมาณการของเรา 8.5%) และมองประมาณการกำไรปี 2568 ของเราอาจมี Upside   
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 ม.ค. 2568 เวลา : 11:50:11
22-01-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.80-34.00 บาท/ดอลลาร์

2. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (21 ม.ค.68) บวก 10.50 เหรียญ เหตุดอลลาร์อ่อนค่า-แรงซื้อทองสินทรัพย์ปลอดภัย

3. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (21 ม.ค.68) ทำนิวไฮ พุ่ง 537.98 จุด ตลาดคลายกังวลสงครามการค้า

4. ตลาดหุ้นไทยเปิด (22 ม.ค.68) บวก 2.94 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,355.47 จุด

5. ทั่วไทยอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 4 องศา "ยอดภู" 7 องศา

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (22 ม.ค. 68) ปรับขึ้น 150 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 44,600 บาท

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (22 ม.ค.68) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 33.99 บาทต่อดอลลาร์

8. ตลาดหุ้นปิด (21 ม.ค.68) บวก 12.03 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,352.53 จุด

9. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (21 ม.ค.68) บวก 14.50 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,355.00 จุด

10. มวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา "ยอดดอย" หนาวจัด 3 องศา "ยอดภู" 7 องศา

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (21 ม.ค.67) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 34.10 บาทต่อดอลลาร์

12. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,700 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,730 เหรียญ

13. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 34.00-34.25 บาท/ดอลลาร์

14. ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (21 ม.ค.68) เวลา 9.59 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,348.32 จุด บวก 7.82 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,648.53 ล้านบาท

15. ทองเปิดตลาดวันนี้ (21 ม.ค. 68) ลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 44,400 บาท

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ January 22, 2025, 12:39 pm