
ปัจจุบันคนไทยให้ความสำคัญกับสุขภาพและความงามมากขึ้น โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Care) ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แนวโน้มนี้ได้รับแรงผลักดันจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย การแพร่ระบาดของโรค และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งเสริมให้ผู้คนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
แนวโน้มสุขภาพปี 2568
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าเทรนด์สุขภาพในปี 2568 จะเน้นไปที่การดูแลเชิงป้องกันและการใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมสุขภาพ โดยมีแนวโน้มสำคัญดังนี้
Personalized Medicine การรักษาที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและความต้องการของแต่ละคน
Mental Health การดูแลสุขภาพจิต โดยเฉพาะการจัดการความเครียดและภาวะซึมเศร้า
Gut Health & Microbiome การดูแลสุขภาพลำไส้และสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกายที่มีผลต่อภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวม
Sustainable & Ethical Wellness การดูแลสุขภาพที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
Longevity & Biohacking – การใช้เทคโนโลยีและข้อมูลสุขภาพเพื่อเพิ่มอายุขัยและปรับปรุงคุณภาพชีวิต
การวางแผนค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและการรักษา
การดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทำให้หลายคนเริ่มวางแผนล่วงหน้าเพื่อรับมือกับค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออมเงิน การลงทุน หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ เช่น ประกันสุขภาพหรือประกันชีวิต สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อประกันคือ
เลือกแผนคุ้มครองที่เหมาะสม – การเลือกแผนคุ้มครองด้านสุขภาพขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ ภาระค่าใช้จ่ายและไลฟ์สไตล์ โดยคนวัยทำงานควรมองหาความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลและอุบัติเหตุ ในขณะที่วัยเกษียณควรเน้นประกันที่ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในระยะยาว
คำนวณภาระค่าใช้จ่าย – แม้ว่าบริษัทประกันส่วนใหญ่เปิดให้สามารถผ่อนชำระค่าเบี้ยผ่านบัตรเครดิตได้ แต่ควรพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อป้องกันปัญหาทางการเงินในอนาคต
ศึกษาเงื่อนไขกรมธรรม์ – ควรทำความเข้าใจข้อกำหนดของกรมธรรม์ โดยเฉพาะข้อยกเว้นและขอบเขตความคุ้มครอง เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับประโยชน์สูงสุด
การเข้าถึงบริการสุขภาพที่สะดวกขึ้น
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้ง่ายขึ้นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ช่วยให้สามารถเปรียบเทียบราคา จองบริการ และขอคำแนะนำจากแพทย์อย่าง Telemedicine ได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ธุรกิจด้านสุขภาพและความงามยังมุ่งเน้นการให้บริการที่ตรงกับความต้องการของ แต่ละบุคคลมากขึ้น เช่น Wellness Center ที่ออกแบบโปรแกรมสุขภาพตามไลฟ์สไตล์และสภาพร่างกายของผู้ใช้บริการ สุขภาพที่ดีเป็นการลงทุนระยะยาวที่เริ่มต้นจากการดูแลตัวเองทั้งด้านร่างกายและจิตใจ พร้อมทั้งวางแผนค่าใช้จ่ายเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของชีวิต แนวโน้มสุขภาพและการดูแลความงามในอนาคตจะเน้นไปที่การป้องกันโรคและการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การดูแลตัวเองเป็นเรื่องง่ายขึ้น การเตรียมความพร้อมทั้งด้านสุขภาพและการเงินจะช่วยให้ทุกคนสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมั่นคงในระยะยาว
ตระหนักถึงค่าใช้จ่ายและผลกระทบทางการเงิน
ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและค่ารักษาพยาบาลอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากไม่มีการวางแผนที่ดี อาจส่งผลต่อความมั่นคงทางการเงินและเป็นภาระต่อครอบครัวได้ การเผชิญกับค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่น ค่ารักษาพยาบาลในกรณีอุบัติเหตุหรือโรคร้ายแรง อาจกระทบต่อเงินออมและแผนการใช้ชีวิตระยะยาว ดังนั้น การเตรียมตัวล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรงบประมาณการใช้จ่ายและการออมเงิน หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และเพื่อให้การวางแผนด้านสุขภาพของคุณง่ายขึ้น สิทธิพิเศษบัตรเครดิตเป็นตัวเลือกที่ดีในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการผ่อน 0% ค่ารักษาพยาบาล การรับเครดิตเงินคืน หรือสิทธิพิเศษจากโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพชั้นนำ เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างไร้กังวล หากจำเป็นต้องใช้จ่ายด้านสุขภาพสามารถดูรายละเอียดโปรแกรมแบ่งเบาภาระทั้งจากโรงพยาบาลรัฐฯ และเอกชนได้ที่ https://bit.ly/3FOUxtt
หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
ข่าวเด่น