
(-) ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังนักลงทุนกำลังประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากข่าวเกี่ยวกับคำสั่งของศาลการค้าของสหรัฐฯ เมื่อวันพุธที่ 28 พ.ค. 68 ที่ผ่านมาว่าให้ระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยศาลวินิจฉัยว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีการใช้อำนาจเกินของเขต อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ระงับคำตัดสินของศาลการค้าเป็นการชั่วคราวในวันพฤหัสบดี เพื่อพิจารณาคำอุทธรณ์ของรัฐบาล โดยอนุมัติให้มาตรการภาษีศุลกากรยังคงมีผลบังคับใช้
(+) สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 23 พ.ค. 68 ปรับลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 440.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.1 ล้านบาร์เรล
(+/-) นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 31 พ.ค. 68 โดยคาดว่าที่ประชุมจะเห็นพ้องให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 411,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ค. 68
(+/-) ตลาดยังคงจับตาความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะคว่ำบาตรรัสเซีย โดยการจำกัดการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซีย หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเตือนประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน หลายครั้งเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อและไม่มีทีท่าว่าจะยุติลง
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจีนมีแนวโน้มส่งออกน้ำมันเบนซินมากขึ้นในเดือน มิ.ย. 68 ท่ามกลางอุปสงค์น้ำมันเบนซินในประเทศที่ซบเซา อย่างไรก็ตาม สต๊อกน้ำมันเบนซินของเกาหลีใต้ ในเดือน เม.ย. 68 ปรับลดลง 8.5% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 5.2 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันดีเซลองเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย. 68 ปรับเพิ่มขึ้น 4.4% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 13.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน นอกจากนี้ การส่งออกน้ำมันดีเซลของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย. 68 ปรับลดลง 5.3% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 15.0 ล้านบาร์เรล
ข่าวเด่น