สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
• เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง หลังแตะระดับแข็งค่าสุดรอบกว่า 7 เดือนครึ่งช่วงต้นสัปดาห์
เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 7 เดือนครึ่งที่ 32.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะล้างช่วงบวกทั้งหมดและกลับมาอ่อนค่าลงตามแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลกและการอ่อนค่าของสกุลเงินเอเชีย นำโดย เงินเยนซึ่งมีแรงกดดันจากการร่วงลงของบอนด์ยีลด์ญี่ปุ่น ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากการที่ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป (ปธน. ทรัมป์ เลื่อนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% จาก EU ออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค.) และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ บางตัว เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนพ.ค. ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด
เงินบาทฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้น ๆ กลางสัปดาห์ แต่กลับไปอ่อนค่าต่อเนื่องจนถึงช่วงท้ายสัปดาห์สอดคล้องกับแรงขายของต่างชาติในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย และการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นรับข่าวที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์กระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของ ปธน. ทรัมป์ เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต (แม้ต่อมาภายหลังศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว)
• ในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 พ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 26-30 พ.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 15,588 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 12,429 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 11,821 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 608 ล้านบาท)
• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 4-6 มิ.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.40-33.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และสถานการณ์สงครามการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนพ.ค. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย. รายงาน Beige Book ของเฟด และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป และตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และจีน และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ยูโรโซน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
• ดัชนีหุ้นไทยปิดลบต่อเป็นสัปดาห์ที่สามจากความกังวลต่อประเด็นนโยบายภาษีของสหรัฐฯ
ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นช่วงสั้น ๆ ในช่วงแรกก่อนจะร่วงลงแรงจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้า หลังปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีนำเข้า 50% จากสหภาพยุโรป (EU) เนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างกันไม่มีความคืบหน้า (แม้ภายหลังจะมีการประกาศเลื่อนเก็บภาษีดังกล่าวออกไปเป็น 9 ก.ค. จากเดิม 1 มิ.ย.) ขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีความชัดเจนซึ่งยิ่งกดดันแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ประกอบกับเผชิญแรงขายหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นแบงก์รายใหญ่แห่งหนึ่งจากประเด็นการตัดขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นช่วงสั้นๆ ระหว่างสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ขานรับรายงานข่าวที่ว่าศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ระงับการใช้มาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์ เนื่องจากใช้อำนาจเกินขอบเขต อย่างไรก็ดีในเวลาต่อมาศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้สั่งระงับคำตัดสินดังกล่าว ส่งผลให้มาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์มีผลบังคับใช้ต่อ โดยประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงในช่วงปลายสัปดาห์ นอกจากนี้ดัชนีหุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงขายเพื่อปรับพอร์ตตามการปรับ MSCI Rebalance ซึ่งมีผลในวันที่ 30 พ.ค. และแรงขายทำกำไรก่อนวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ
• ในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,149.18 จุด ลดลง 2.31% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 41,340.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.41% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.96% มาปิดที่ระดับ 240.46 จุด
• สัปดาห์ถัดไป (4-6 มิ.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,140 และ 1,120 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,160 และ 1,180 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ประเด็นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนพ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนพ.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษและจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ค. (เบื้องต้น) และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเม.ย. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของยูโรโซน ตลอดจนการประชุม ECB
ข่าวเด่น