(+) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มกว่า 3% หลังสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นหลังอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีพื้นที่พลเรือนหลายแห่งรวมถึงโรงพยาบาลทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อคืนนี้ ขณะเดียวกันอิสราเอลยังคงโจมตีเป้าหมายอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำสงครามที่อาจยืดเยื้อเนื่องจากยังคงไม่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงแผนการถอนตัวจากทั้ง 2 ฝ่าย
(+) ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเข้ามามีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านสร้างความวิตกกังวลในหมู่นักลงทุน หลังทำเนียบขาวเผยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะตัดสินใจภายใน 2 สัปดาห์ โดยให้เวลานี้เป็นโอกาสในการหาทางออกโดยการเจรจา
(+) วานนี้ นักวิเคราะห์ของ J.P. Morgan กล่าวว่าหากสถานการณ์ความไม่สงบนี้ยืดเยื้อและขยายวงกว้างออกไปจนมีการปิดช่องแคบ ฮอร์มุซซึ่งเป็นเส้นทางการเดินเรือที่ขนส่งน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั่วโลกจะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงอย่างต่อเนื่องและอาจพุ่งแตะระดับ 120-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รวมถึงอาจส่งกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลก
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต๊อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ประจําสัปดาหสิ้นสุด ณ วันที่ 13 มิ.ย. 68 ปรับเพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าแตะระดับ 9.3 ล้านบาร์เรลประกอบกับตัวเลขการนำเข้าน้ำมันเบนซินของอินโดนีเซียในเดือน เม.ย. 68 ปรับตัวลดลง 0.73% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าสู่ระดับ 1.42 ล้านตัน
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขการนำเข้าน้ำมันดีเซลของอินโดนิเซียในช่วง ม.ค. 68-เม.ย. 68 ปรับเพิ่มขึ้น 8.34% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า สะท้อนอุปสงค์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งสต๊อกน้ำมันดีเซลของชายฝั่ง Midwest และ Atlantic ในสหรัฐฯ ปรับลดลงสู่ระดับ 23.92 ล้านบาร์เรลและ 24.53 ล้านบาร์เรลตามลำดับ
ข่าวเด่น