เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
Krungthai COMPASS วิเคราะห์ "ส่งออกเดือน พ.ค. 2568 ขยายตัว 18.4%YoY มองส่งออกช่วง 2H68 ถูกกดดัน หลังครบช่วงเวลาผ่อนปรน 90 วัน และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้น"


 
• มูลค่าส่งออกเดือน พ.ค. เติบโต 18.4%YoY เร่งตัวจากเดือนก่อนที่ 10.2%YoY โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรที่เติบโตดี ขณะที่การส่งออกไปตลาดหลักต่างขยายตัว ด้านการนำเข้าเร่งตัวสูงจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 18.0%YoY ขณะที่ดุลการค้ากลับมาเกินดุล +1,116.4 ล้านดอลลาร์ฯ

• แม้การส่งออกจะขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 68 เติบโต 14.9%YoY แต่ยังคงเป็นปัจจัยชั่วคราว เพื่อเลี่ยงผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ (Front-loaded) ก่อนเริ่มการกลับมาเก็บจริง ในวันที่ 9 ก.ค. 68 นอกจากนี้ ภาคการส่งออกไทยจะถูกกดดันจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ทั้งการตีตลาดของสินค้าจีน ตลอดจนปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ซึ่งอาจทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา

มูลค่าส่งออกเดือนพฤษภาคม 2568 ขยายตัว 18.4%YoY

มูลค่าส่งออกเดือน พ.ค. อยู่ที่ 31,044.6 ล้านดอลลาร์ฯ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขยายตัว 18.4%YoY เร่งขึ้นจาก 10.2%YoY เมื่อเดือนก่อน โดยการส่งออกสินค้ากลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร กลับมาขยายตัวในรอบ 5 เดือน สำหรับการส่งออกทองคำในเดือนนี้ขยายตัวที่ 55.9%YoY ทำให้เมื่อ หักทองคำแล้วมูลค่าส่งออกเดือนนี้เติบโตที่ 17.5%YoY ทั้งนี้การส่งออกห้าเดือนแรกของปี 2568 ขยายตัว 14.9%YoY โดยมีแรงขับเคลื่อนที่สำคัญจาก

• การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเติบโต 22.9%YoY เร่งตัวจาก 16.6%YoY ในเดือนก่อน โดยสินค้าสำคัญ ที่เติบโต ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+104.0%) แผงวงจรไฟฟ้า (+41.4%) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล (+34.8%) ผลิตภัณฑ์ยาง (+34.2%) รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+15.0%) อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) (+2.4%) เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด (-32.1%) และเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-20.8%) เป็นต้น 

• การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรกลับมาขยายตัว 8.1%YoY หลังจากติดลบในเดือนก่อนที่ 8.4%YoY ถือเป็นการกลับมาเติบโตอีกครั้งในรอบ 3 เดือน โดยสินค้าเกษตรขยายตัว 6.8%YoY กลับมาขยายตัวในรอบ 5 เดือน สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 10.1%YoY ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่  9.1%YoY ซึ่งสินค้าสำคัญที่ขยายตัวสูง ได้แก่ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ (+75.1%) ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ (+25.5%) ผลไม้กระป๋อง และแปรรูป (+24.9%) และผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง (+10.2%) ที่กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัวในเดือนนี้ ได้แก่ ข้าว (-9.9%) ยางพารา (-7.8%) สวนทางกับเดือนก่อนที่ขยายตัว เป็นต้น

การส่งออกรายตลาดสำคัญ ส่วนใหญ่ยังขยายตัวจากการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสำคัญ

• สหรัฐฯ: ขยายตัว 35.1%YoY เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 20 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ และส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้า และส่วนประกอบ ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น อุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์ และไดโอด และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น

• จีน: ขยายตัว 28.0%YoY เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ด้านสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก เป็นต้น

• ญี่ปุ่น: หดตัว 0.9%YoY กลับมาหดตัวในรอบ  3 เดือน โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เป็นต้น

• EU27: ขยายตัว 16.6%YoY เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น

• ASEAN-5: หดตัว 0.3%YoY กลับมาหดตัวในรอบ 3 เดือน โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ข้าว น้ำมันสำเร็จรูปและเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และน้ำตาลทราย เป็นต้น

• มูลค่าการนำเข้าเดือน พ.ค. อยู่ที่ 29,928.1 ล้านดอลลาร์ฯ เติบโต 18.0%YoY เร่งขึ้นจาก 16.1%YoY เมื่อเดือนก่อน การนำเข้าสินค้าหลายหมวดขยายตัว ทั้งสินค้าทุน (+41.1%YoY) สินค้ายานพาหนะฯ (+23.8%YoY) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (+19.3%YoY) สินค้าอุปโภคบริโภค (+10.1%YoY) ขณะที่การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงหดตัว (-11.8%YoY) ทั้งนี้ ดุลการค้าเดือน พ.ค. เกินดุล +1,116.4 ล้านดอลลาร์ฯ

Implication : 

• แม้การส่งออกเดือน พ.ค. 68 จะเติบโตเป็นเลข   สองหลักติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 แต่ปัจจัยหลักยังเป็นผลจากการเร่งส่งออกชั่วคราว เพื่อเลี่ยงผลของการขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ ที่จะชัดเจนขึ้น โดยสินค้าส่งออกสำคัญซึ่งมีโอกาสถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตราสูงขึ้นขยายตัวได้มาก โดยเฉพาะสินค้าส่งออกกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไปตลาดสหรัฐฯ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ขยายตัว 104.0%YoY (เฉลี่ย 5 เดือนแรกโต 73.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 67 ที่โต 23.6%) สอดคล้องกับตัวเลขส่งออกล่าสุดของเกาหลีใต้ใน 10 วันแรกของเดือน มิ.ย. 68 ที่โต 5.4%YoY จากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เป็นสำคัญ ซึ่งต่างสะท้อนกระแสการเร่งนำเข้า

• ความไม่แน่นอนของผลเจรจากับสหรัฐฯ จะกดดันการส่งออกไทย หลังครบกำหนดเวลาชะลอการปรับภาษีศุลกากรตอบโต้ในวันที่ 9 ก.ค. ไทยมีโอกาสถูกเก็บภาษีสูงกว่า universal tariff ที่ 10% และหากมีอัตราสูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญ จะยิ่งลดทอนโอกาสในการแข่งขัน

• นอกจากนี้ ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรง ยังเป็นอุปสรรคเพิ่มเติมต่อการส่งออก   ทั้งความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ขยายไปสู่การโจมตีระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน หากการสู้รบรุนแรงและลากยาวจะยิ่งส่งผลต่อการส่งออก โดยตลาดตะวันออกกลางคิดเป็น 4.2% ของมูลค่าส่งออกไทยทั้งหมดในปี 67 รวมถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาที่อาจกระทบต่อการส่งออกชายแดน ซึ่งตลาดกัมพูชามีสัดส่วน 23.6% ของมูลค่าการส่งออกชายแดนทั้งหมดในปี 67 ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเพิ่มความกดดันต่อการส่งออกไทยในระยะข้างหน้า

• Krungthai COMPASS ประเมินว่าการส่งออกในช่วง 2H68 จะเผชิญหลายปัจจัยลบที่รุมเร้า ทั้งอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นหลังสิ้นสุดระยะเวลาชะลอการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื่นที่ การตีตลาดของสินค้าจีน รวมทั้งทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งจะกดดันการส่งออกของไทยให้อ่อนแอลงได้ในระยะข้างหน้า 

ฉมาดนัย มากนวล
กฤตตฤณ เหล่าฤทธิ์
Krungthai Compass

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 มิ.ย. 2568 เวลา : 14:59:55
21-06-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 26 มิ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนศรีนครินทร์

2. ตลาดหุ้นปิด (20 มิ.ย.68) ลบ 1.10 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,067.63 จุด

3. ตลาดหุ้นปิด (20 มิ.ย.68) ลบ 1.10 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,067.63 จุด

4. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (20 มิ.ย.68) บวก 3.29 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,072.02 จุด

5. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (20 มิ.ย.68) บวก 3.29 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,072.02 จุด

6. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 3,345 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ 3,390 เหรียญ

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (20 มิ.ย.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคอีสาน-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก" ฝนฟ้าคะนอง 60% ภาคใต้ 60-70% ภาคเหนือ 40%

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (20 มิ.ย.68) บวก 8.94 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,077.67 จุด

9. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.65-32.90 บาท/ดอลลาร์

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (20 มิ.ย.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 32.70 บาทต่อดอลลาร์

11. เติมด่วน! พรุ่งนี้ (20 มิ.ย. 68) น้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอลล์ ปรับขึ้น 30 สต./ลิตร

12. ตลาดหุ้นปิด (19 มิ.ย.68) ลบ 25.85 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,066.73 จุด

13. ประกาศ กปน.: 26 มิ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหลถนนสุขุมวิทสายเก่า

14. ประกาศ กปน.: 26 มิ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพุทธมณฑลสาย 2

15. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 มิ.ย.68) ลบ 18.58 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,076.00 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ June 21, 2025, 12:15 pm