สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
· เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบประมาณ 1 เดือนท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองภายในประเทศ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าหลังเฟดส่งสัญญาณไม่รีบลดดอกเบี้ย
เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบอ่อนค่าเกือบตลอดสัปดาห์สอดคล้องกับแรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากประเด็นทางการเมืองภายในประเทศ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากความกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดที่ลากยาวต่อเนื่องระหว่างอิหร่านและอิสราเอล และสัญญาณจากประธานเฟดที่สะท้อนว่า เฟดอยู่ระหว่างรอประเมินผลกระทบจากภาษี และยังไม่รีบปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อและ dot plot ใหม่ของเฟด ยังบ่งชี้ว่า เฟดมีแนวโน้มลดจำนวนรอบของการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงในปีหน้า (แม้ผลการประชุมรอบนี้ เฟดจะมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% และ dot plot สะท้อนโอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ตามเดิมก็ตาม)
ทั้งนี้ เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบประมาณ 1 เดือน (นับตั้งแต่ 22 พ.ค. 2568) ที่ 32.94 ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาตามภาพรวมสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ช่วงท้ายสัปดาห์ หลังมีรายงานข่าวว่า ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจเลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับการเข้าแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯ ในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านออกไป
· ในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.44 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (13 มิ.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 16-20 มิ.ย. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 9,727 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 13,248 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 1,609 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 11,638 ล้านบาท)
· สัปดาห์ระหว่างวันที่ 23-27 มิ.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.40-33.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม กนง. ปัจจัยการเมืองในประเทศ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า และสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนพ.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 (final) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนมิ.ย. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษด้วยเช่นกัน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
· ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงจากสัปดาห์ก่อนท่ามกลางความกังวลต่อประเด็นการเมืองในประเทศ
ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงในช่วงต้นสัปดาห์โดยมีข่าวลบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน รวมถึงแรงขายหุ้นบริษัทผู้ประกอบธุรกิจท่าอากาศยาน
จากประเด็นคู่ค้าขอยกเลิกสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรี อย่างไรก็ดี แรงซื้อหุ้นบริษัทด้านพลังงานรายใหญ่แห่งหนึ่งช่วยจำกัดช่วงลบของตลาดไว้ได้บางส่วน
ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาลหลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ยังคงไม่คลี่คลายก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันบรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นภูมิภาคด้วยเช่นกัน โดยปัจจัยลบดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงเทขายหุ้นทุกกลุ่ม อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยลดช่วงลบลงในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือนครึ่งที่ 1,066.02 จุด โดยหลักๆ มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์เข้ามาช่วยประคอง
· ในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,067.63 จุด ลดลง 4.91% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 40,182.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.16% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 4.63% มาปิดที่ระดับ 226.15 จุด
· สัปดาห์ถัดไป (23-27 มิ.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,050 และ 1,020 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,080 และ 1,100 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (25 มิ.ย.) ประเด็นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง สถานการณ์การเมืองในประเทศรวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนมิ.ย. (เบื้องต้น) ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนพ.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 (final) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนมิ.ย. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ ตลอดจนกำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ของจีน
ข่าวเด่น