เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ความกังวลภาษียังกดดัน"


คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ การขึ้นวันศุกร์ยังมีแรงเทขายออกเร็ว มีแนวรับที่ 1115/1108 ที่ต้องไม่หลุดต่ำกว่า ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1130/1135 ต้องยืนเหนือได้จึงจะกลับมาขึ้นรอบใหม่ สหรัฐฯ ประกาศภาษีนำเข้ากับ EU และเม็กซิโกที่ 30% ในช่วงสุดสัปดาห์ ส่วนแคนาดาในอัตรา 35% เป็นปัจจัยที่กลับมากดดันจิตวิทยาตลาดหุ้นรอบใหม่

ประเด็นสำคัญ

• ปธน. ทรัมป์ขู่เก็บภาษีนำเข้าจาก EU และเม็กซิโกในอัตรา 30% และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. นี้ หากยังไม่สามารถทำข้อตกลงการค้าใหม่กับสหรัฐฯ ได้ก่อนกำหนดข้างต้น เนื่องจาก EU ล่าช้าต่อการเจรจาจากครั้งก่อนที่สหรัฐฯ เคยเปิดโอกาสลดอัตราภาษีสู่ 10% และยกประเด็นสงครามยาเสพติดต่อเม็กซิโกอีกครั้ง

• รมว. คลังเผยจดหมายที่ได้รับจาก ปธน. ทรัมป์นั้นเป็นการเลื่อนเวลาให้กับไทยและการเจรจายังไม่ถึงที่สุด โดยมีเวลาถึงวันที่ 1 ส.ค. นี้ ส่วนการประชุมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องและคณะที่ปรึกษา ณ บ้านพิษณุโลก คาดจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับผลกระทบต่อรายอุตฯ ในวันนี้

• ในการประชุม ครม. วันที่ 15 ก.ค.นี้ รมว.คลัง จะนำเสนอชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ให้ที่ประชุม ครม.อนุมัติ

• ททท. เผยสถานการณ์ลงทะเบียนโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ตั้งแต่เริ่มโครงการถึงวันที่ 11 ก.ค. เวลา 8.30 น. มีจำนวนการลงทะเบียนสำเร็จที่ 1,585,208 ราย, จองที่พักและชำระเงินแล้ว 91,008 สิทธิ์ และมีสิทธิ์คงเหลือ 408,992 สิทธิ์ 

• รมช. คมนาคมเผยความคืบหน้าโครงการบ้านเพื่อคนไทย เตรียมเสนอ ครม. เห็นชอบจับสลากสิทธิเข้าอยู่เฟสแรก 5,000 ยูนิต ภายใน ต.ค. นี้, เริ่มประมูลหาผู้รับเหมาใน พ.ย. นี้ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นและเริ่มเข้าอยู่ได้ภายในปลายปี 2569 

• ติดตามการแถลงครั้งใหญ่ของ ปธน. ทรัมป์เกี่ยวกับรัสเซียในวันนี้ หลังจากที่เขาได้แสดงความผิดหวังต่อ ปธน. ปูติน และกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้ที่ขัดขวางความพยายามการสร้างสันติภาพในยูเครน

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวนเนื่องจากยังกังวลอัตราภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ ที่ประกาศเรียกเก็บจากประเทศคู่ค้าซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. นี้ สำหรับไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียน ซึ่งทำให้ไทยมีโอกาสสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและกดดันให้ GDP อาจเติบโตชะลอตัวได้ จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับไทยอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดีเราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET แกว่งตัวผันผวน ยังมีความกังวลไทยจะถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียนและอาจทำให้ไทยสูญเสียความสามารถการแข่งขันและกดดันการเติบโต GDP ลง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้  

1. หุ้น Earnings Play โมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ 3Q68 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ ADVANC BCH CBG CPALL SCCC

2. หุ้น Defensive ที่ผันผวนต่ำและผลการดำเนินงานต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ (ผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายในและภายนอก) อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BCH DIF

3. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT

4. Trading Ideas: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Undervalue (PER และ PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BCPG BDMS CPALL DIF PTT SIRI TIDLOR 2) หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวไทย แนะนำ ERW CENTEL AAV และ 3) หุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็วหากเชื่อว่าการเจรจาจะทำให้สหรัฐฯ พิจารณาปรับลดภาษีไทยลงมาอยู่ที่ระดับ 20% หรือต่ำกว่า แนะนำ AMATA GPSC WHA

DAILY TOP PICKS
 
PTT: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และ Valuation หุ้นไม่แพง โดยซื้อขาย PBV 2568F ที่ระดับ 0.7 เท่า (-1.5 SD) และ PER ที่ระดับ 7.5 เท่าเทียบค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ PBV 1.3 เท่า และ PER 14.6 เท่า อีกทั้งปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตเด่น 44%YoY และให้ Div. Yield ปีนี้สูงราว 6-7% 

ADVANC: มองเป็นหุ้น Defensive และได้ประโยชน์จาก กสทช. มีมติรับรองผลการประมูลคลื่นความถี่ เราคงประเมินว่า ADVANC จะได้ประโยชน์จากการลดต้นทุนที่มีนัยสำคัญ โดยจะลดต้นทุนได้ราว 2.3 พันล้านบาทต่อปี และปี 2568 กำไรสุทธิคาดจะอยู่ที่ 40.7 พันล้านบาท เติบโต 16.9%YoY 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 ก.ค. 2568 เวลา : 11:56:49
16-07-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (16 ก.ค.68) บวก 0.24 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,161.25 จุด

2. MTS Gold คาดราคาทองคำกลับเข้าสู่แนวโน้ม Sideways อีกครั้ง โดยมีกรอบแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,320 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 3,350 เหรียญ

3. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (15 ก.ค.68) ร่วง 436.36 จุด เหตุดัชนี CPI สูงเกินคาด

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (15 ก.ค.68) ร่วง 22.4 เหรียญ เหตุเงินเฟ้อสูงหนุนเฟดตรึงดอกเบี้ยสูงต่อไป

5. พยากรณ์อากาศวันนี้ (16 ก.ค.68) ฝนตกหนักในภาคเหนือ 80% ภาคอีสาน-ภาคใต้ ฝั่งตต. 70% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคตะวันออก 60% ภาคกลาง-ภาคใต้ ฝั่งตอ. 40%

6. ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (16 ก.ค. 68) ลบ 2.53 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,158.48 จุด

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (16 ก.ค. 68) ร่วงลง 250 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 52,150 บาท

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.65 บาท/ดอลลาร์

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (16 ก.ค.68) อ่อนค่าลง ที่ระดับ 32.58 บาทต่อดอลลาร์

10. ตลาดหุ้นปิด (15 ก.ค.68) บวก 17.70 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,161.01 จุด

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (15 ก.ค.68) บวก 5.91 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,149.22 จุด

12. MTS Gold คาดราคาทองมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,325 เหรียญ และมีแนวต้านอยู่ที่ระดับ 3,370 เหรียญ

13. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (14 ก.ค.68) ร่วง 4.9 เหรียญ นักลงทุนขายทองทำกำไรหลังราคาพุ่ง

14. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (14 ก.ค.68) บวก 88.14 จุด นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย หลังทรัมป์ประกาศรีดภาษี EU และเม็กซิโก

15. พยากรณ์อากาศวันนี้ (15 ก.ค.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคอีสาน-ภาคตะวันออก" ฝนฟ้าคะนอง 60% ภาคกลาง 40% ภาคใต้ 40-60%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 16, 2025, 3:37 pm