เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ "เดือน มิ.ย.68 ส่งออกจีนเติบโตที่ 5.8%YoY โดยจีนส่งออกมาไทยเติบโตสูงสุดในอาเซียน"


หลังสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงการค้าปรับลดภาษี Reciprocal Tariffs ระหว่างกัน ส่งออกจีนในเดือนมิ.ย.68 กลับมาเติบโตเร่งตัวขึ้นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมี.ค.68 อยู่ที่ 5.8%YoY จาก 4.8%YoY ด้านการนำเข้าเดือนมิ.ย.68 พลิกกลับมาเติบโตอยู่ที่ 1.1%YoY จาก -3.4%YoY ส่งผลให้จีนยังเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 114.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (รูปที่ 1)

การส่งออกจีนไปสหรัฐฯ ชะลอการหดตัวอยู่ที่ -16.1%YoY จาก -34.5%YoY ซึ่งถูกชดเชยด้วยการการส่งออกไปอาเซียนที่ยังเติบโตแข็งแกร่งที่ 16.8%YoY ซึ่งส่วนหนึ่งคาดว่าเกิดจากการเร่งส่งออกก่อนที่ข้อยกเว้นภาษี 90 วันของสหรัฐฯ กับชาติอื่น ๆ ยกเว้นจีนจะจบลง โดยจีนส่งออกมาไทยเติบโตสูงสุดในอาเซียนอยู่ที่ 27.9%YoY รองลงมาคือเวียดนามที่เติบโตที่ 23.8%YoY (รูปที่ 2)
 
 

 
 
 
ส่งออกจีนครึ่งแรกของปีเติบโตดีกว่าคาดการณ์จากการเร่งส่งออกก่อนข้อยกเว้นภาษี 90 วันกับประเทศอื่น ๆ ยกเว้นจีนจะจบลงในเดือนก.ค.68 อีกทั้งสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงเจรจาการค้ากันได้ในเดือนพ.ค.68 ทั้งนี้ ยังต้องติดตามหลังการปรับลดภาษีระหว่างจะสิ้นสุดวันที่ 12 ส.ค. 68 โดยการเติบโตของการส่งออกครึ่งแรกของปีคาดจะช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 2/2568 ให้ขยายตัวดีกว่าประมาณการณ์เดิมซึ่งรอติดตามตัวเลขจะประกาศในวันพรุ่งนี้ (15 ก.ค. 68)

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 การเติบโตของการส่งออกจีนมีแนวโน้มชะลอลง โดยเผชิญความเสี่ยงอีกหลายประการ ดังนี้

1. การสิ้นสุดข้อยกเว้นภาษี 90 วันกับประเทศอื่น ๆ เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา อัตราภาษีที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บในประเทศอาเซียนจะกลับมาอยู่ในระดับสูง (เริ่ม 1 ส.ค.68) เช่น ประเทศไทยปัจจุบันอยู่ที่ 36% ขณะที่ประเทศที่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ได้อย่างเวียดนามที่ลดภาษีอยู่ที่ 20% ยังเผชิญเงื่อนไขเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ ในเรื่องสินค้าที่ประเทศอื่นส่งออกผ่านเวียดนามที่จะโดนเก็บภาษีที่ 40%

2. แม้สหรัฐฯ และจีนจะบรรลุข้อตกลงทางการค้าแต่อัตราภาษีปัจจุบันที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจีนยังอยู่ในระดับสูงที่ 51.1% (อ้างอิงข้อมูลจาก PETERSON INSTITUTE FOR INTERNATIONAL ECONOMICS) ส่งผลให้การส่งออกจากจีนไปสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มหดตัว

3. การเรียกเก็บภาษีในรายสินค้าอุตสาหกรรมที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บเพิ่มเติมคาดจะยังมีทยอยออกมาต่อเนื่อง

4. แนวทางการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ อาจมีข้อยกเว้น หรือเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับจีนเพิ่มเติม ซึ่งจะกดดันการส่งออกจีนในระยะต่อไป

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 ก.ค. 2568 เวลา : 18:22:38
16-07-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (16 ก.ค.68) บวก 0.24 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,161.25 จุด

2. MTS Gold คาดราคาทองคำกลับเข้าสู่แนวโน้ม Sideways อีกครั้ง โดยมีกรอบแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,320 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 3,350 เหรียญ

3. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (15 ก.ค.68) ร่วง 436.36 จุด เหตุดัชนี CPI สูงเกินคาด

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (15 ก.ค.68) ร่วง 22.4 เหรียญ เหตุเงินเฟ้อสูงหนุนเฟดตรึงดอกเบี้ยสูงต่อไป

5. พยากรณ์อากาศวันนี้ (16 ก.ค.68) ฝนตกหนักในภาคเหนือ 80% ภาคอีสาน-ภาคใต้ ฝั่งตต. 70% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคตะวันออก 60% ภาคกลาง-ภาคใต้ ฝั่งตอ. 40%

6. ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (16 ก.ค. 68) ลบ 2.53 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,158.48 จุด

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (16 ก.ค. 68) ร่วงลง 250 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 52,150 บาท

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.65 บาท/ดอลลาร์

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (16 ก.ค.68) อ่อนค่าลง ที่ระดับ 32.58 บาทต่อดอลลาร์

10. ตลาดหุ้นปิด (15 ก.ค.68) บวก 17.70 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,161.01 จุด

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (15 ก.ค.68) บวก 5.91 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,149.22 จุด

12. MTS Gold คาดราคาทองมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,325 เหรียญ และมีแนวต้านอยู่ที่ระดับ 3,370 เหรียญ

13. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (14 ก.ค.68) ร่วง 4.9 เหรียญ นักลงทุนขายทองทำกำไรหลังราคาพุ่ง

14. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (14 ก.ค.68) บวก 88.14 จุด นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย หลังทรัมป์ประกาศรีดภาษี EU และเม็กซิโก

15. พยากรณ์อากาศวันนี้ (15 ก.ค.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคอีสาน-ภาคตะวันออก" ฝนฟ้าคะนอง 60% ภาคกลาง 40% ภาคใต้ 40-60%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 16, 2025, 3:32 pm