เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "รอรายชื่อผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่"


คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/แกว่งขึ้น ตลาดยืนเหนือ 1130/1135 ได้ส่งผลให้กลับมาเป็นการแกว่งตัวขึ้น ระยะสั้นมีแนวต้านถัดไปที่ 1150/1160-1163 ที่มีโอกาสทำให้ชะลอตัว ส่วนแนวรับประเมินไว้ที่ 1135/1130 หากผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่เป็นคุณ วิทัย รัตนากร ตามที่ตลาดคาดไว้ คาดว่าจะเห็นทิศทางดอกเบี้ยมีโอกาสลดลงและการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ส่วนประเด็นการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ไทยยื่นข้อเสนอเพิ่มและเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ มากขึ้นหนุนจิตวิทยา

ประเด็นสำคัญ

• รมว.คลัง รับลงนามเสนอชื่อผู้ว่าฯ ธปท.คนใหม่แล้ว เตรียมเสนอครม.วันนี้ หากเป็นคุณ วิทัย รัตนากร ตามที่ตลาดคาดไว้ ทิศทางดอกเบี้ยมีโอกาสลดลง จะเป็นบวกกับหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า อสังหาริมทรัพย์ และ REITs

• EU เตรียมตอบโต้ภาษีสหรัฐฯ ด้วยมาตรการมูลค่า 84,000 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุมสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตร รวมถึงเครื่องบิน รถยนต์ และ Bourbon เป็นการตอบโต้ภาษี 20–30% ของทรัมป์

• รมว. คลังเผยข้อเสนอเพิ่มเติมที่ส่งให้สหรัฐฯ เช่น เปิดตลาดนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ บางรายการเข้าไทยภายใต้ภาษี 0% เพิ่มเป็น 69% จาก 63-64%, ส่งเสริมการลงทุนธุรกิจไทยในสหรัฐฯ และให้ความสำคัญกับการสวมสิทธิ์สินค้า เพิ่ม Local Content รวมถึงเตรียม Soft Loan 2 แสนลบ. เยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ

• ม. หอการค้าไทยหนุนการนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ บางรายการที่ไทยขาดแคลนหรือผลิตได้ไม่เพียงพอ เพื่อลดต้นทุนให้กับเกษตรกร, เพิ่มความเข้มงวดจัดการปัญหาสินค้าสวมสิทธิ์และสินค้าด้อยคุณภาพที่ทะลักเข้าไทยผ่านการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น 

• มาเลเซียออกกฎควบคุมการส่งออกชิป AI ประสิทธิภาพสูงที่มีถิ่นกำเนิดจากสหรัฐฯสู่ประเทศที่สาม โดยต้องมีใบอนุญาตสำหรับส่งออก เพื่อปิดช่องว่างทางกฎหมาย

• การส่งออกจีนใน มิ.ย. 2568 ขยายตัว 5.8%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาด หนุนจากการเร่งส่งออกก่อนมาตรกาภาษีสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. นี้ โดยการส่งออกสู่ไทยและเวียดนามเติบโตสูงที่สุด ซึ่งเรากังวลว่าเป็นปัญหา Transshipment สู่ประเทศที่สาม ด้านการนำเข้าพลิกขยายตัว 1.1%YoY เป็นครั้งแรกในปีนี้

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวนเนื่องจากยังกังวลอัตราภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ ที่ประกาศเรียกเก็บจากประเทศคู่ค้าซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. นี้ สำหรับไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียน ซึ่งทำให้ไทยมีโอกาสสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและกดดันให้ GDP อาจเติบโตชะลอตัวได้ จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับไทยอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดีเราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET แกว่งตัวผันผวน ยังมีความกังวลไทยจะถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียนและอาจทำให้ไทยสูญเสียความสามารถการแข่งขันและกดดันการเติบโต GDP ลง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้  

1. หุ้น Earnings Play โมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ 3Q68 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ ADVANC BCH CBG CPALL SCCC

2. หุ้น Defensive ที่ผันผวนต่ำและผลการดำเนินงานต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ (ผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายในและภายนอก) อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BCH DIF

3. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT

4. Trading Ideas: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Undervalue (PER และ PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BCPG BDMS CPALL DIF PTT SIRI TIDLOR 2) หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวไทย แนะนำ ERW CENTEL AAV และ 3) หุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็วหากเชื่อว่าการเจรจาจะทำให้สหรัฐฯ พิจารณาปรับลดภาษีไทยลงมาอยู่ที่ระดับ 20% หรือต่ำกว่า แนะนำ AMATA GPSC WHA

DAILY TOP PICKS

MTC: ราคาหุ้นได้รับปัจจัยกระตุ้นจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับตัวลงในช่วงที่เหลือของปี (INVX คาดลดอีก 2 ครั้ง) กำไรสุทธิ 2Q68 คาดจะเติบโตดี +3%QoQ และ 12%YoY และในปี 2568 นี้ คาดกำไรเติบโต 14%YoY โดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อที่เติบโตและ credit cost ที่ลดลง เป็นหุ้น Undervalued ปัจจุบันซื้อขายที่ PBV 68F ระดับ 1.70 เท่า คิดเป็น  -2SD วันนี้แนะซื้อที่ราคาไม่เกิน 37.50 บาท

GULF: มองราคาหุ้นมีโอกาสได้ปัจจัยหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับลดลง แนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปีแข็งแกร่งจากกำลังการผลิตใหม่ การ COD ของโครงการโซลาร์ฟาร์ม 5 แห่ง (+308MW) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 แห่ง (+289MW) และ Data Center เฟสแรก รวมถึง Capacity payment ที่เพิ่มขึ้น และเงินปันผลจาก KBANK
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 ก.ค. 2568 เวลา : 11:05:07
16-07-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (16 ก.ค.68) บวก 0.24 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,161.25 จุด

2. MTS Gold คาดราคาทองคำกลับเข้าสู่แนวโน้ม Sideways อีกครั้ง โดยมีกรอบแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,320 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 3,350 เหรียญ

3. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (15 ก.ค.68) ร่วง 436.36 จุด เหตุดัชนี CPI สูงเกินคาด

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (15 ก.ค.68) ร่วง 22.4 เหรียญ เหตุเงินเฟ้อสูงหนุนเฟดตรึงดอกเบี้ยสูงต่อไป

5. พยากรณ์อากาศวันนี้ (16 ก.ค.68) ฝนตกหนักในภาคเหนือ 80% ภาคอีสาน-ภาคใต้ ฝั่งตต. 70% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคตะวันออก 60% ภาคกลาง-ภาคใต้ ฝั่งตอ. 40%

6. ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (16 ก.ค. 68) ลบ 2.53 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,158.48 จุด

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (16 ก.ค. 68) ร่วงลง 250 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 52,150 บาท

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.65 บาท/ดอลลาร์

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (16 ก.ค.68) อ่อนค่าลง ที่ระดับ 32.58 บาทต่อดอลลาร์

10. ตลาดหุ้นปิด (15 ก.ค.68) บวก 17.70 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,161.01 จุด

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (15 ก.ค.68) บวก 5.91 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,149.22 จุด

12. MTS Gold คาดราคาทองมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,325 เหรียญ และมีแนวต้านอยู่ที่ระดับ 3,370 เหรียญ

13. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (14 ก.ค.68) ร่วง 4.9 เหรียญ นักลงทุนขายทองทำกำไรหลังราคาพุ่ง

14. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (14 ก.ค.68) บวก 88.14 จุด นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย หลังทรัมป์ประกาศรีดภาษี EU และเม็กซิโก

15. พยากรณ์อากาศวันนี้ (15 ก.ค.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคอีสาน-ภาคตะวันออก" ฝนฟ้าคะนอง 60% ภาคกลาง 40% ภาคใต้ 40-60%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 16, 2025, 3:28 pm