คาดตลาดแกว่งตัว แต่อาจเห็นการฟื้นตัวที่แนวรับ หนุนจากปัจจัยต่างประเทศจากความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. ส่วนในประเทศจับตาความเคลื่อนไหวทางการเมือง อีกทั้งวันนี้ติดตามการประชุม ครม. เศรษฐกิจ พิจารณาโครงการ Thailand Fast Pass ปลดล็อกโครงการใหญ่พร้อมลงทุน 3 แสนลบ. รวมทั้งโครงการสนับสนุน SMEs 1 หมื่นลบ. ทางเทคนิคราคาหลุดเส้น 200 วัน อาจมีรีบาวด์ระยะสั้น แนวรับ 1245/1240 แนวต้าน 1265/1270
ประเด็นสำคัญ
• ราคาน้ำมันดิบโลกปรับลงต่อเนื่อง ล่าสุดราคาน้ำมัน WTI หลุดระดับ US$58/bbl แล้วหลัง ปธน. ทรัมป์ เสนอแผนสันติภาพแก้ไขความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งจะปูทางให้มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย จะทำให้รัสเซียสามารถส่งออกน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลก
• FedWatch Tool เผยความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยภายในสิ้นปี 2568 พุ่งสู่ 71.5% สูงขึ้น หลังประธานเฟดนิวยอร์ก John Williams สนับสนุนการลดดอกเบี้ยในการประชุม FOMC วันที่ 9-10 ธ.ค. นี้
• นายกฯ เผยระหว่างการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคภูมิใจไทยว่าได้แจ้งพรรคร่วมรัฐบาลในที่ประชุม ครม. ให้เตรียมตัวรอฟังสัญญาณการยุบสภาในวันที่ 12 ธ.ค. นี้ และเตรียมจะเสนอที่ประชุม ครม. ให้อนุมัติการจัดทำประชามติร่าง รธน. เป็นไปตาม MOA กับพรรคประชาชน
• กระทรงการคลังเผยหนี้สาธารณะไทยยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สิ้นปีงบ 2568 มียอดหนี้สาธารณะ 12.22 ล้านลบ. (64.82% ต่อ GDP) เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่ 11.62 ล้านลบ. (63.28% ต่อ GDP) แต่ยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่กำหนดไว้ไม่เกิน 70% สะท้อนว่า รัฐบาลยังต้องพึ่งพาการกู้ยืมและการทำงบประมาณขาดดุล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและบริหารจัดการงบประมาณ
• ททท. ประเมิน นทท. ระยะไกลเดินทางเข้าไทยในปี 2568 ที่ 11,096,052 คน เติบโต 13%YoY ทุบสถิตินิวไฮจากช่วงก่อนโควิด-19 ในปี 2562 และคาดจะเติบโตต่อ 5%YoY ในปี 2569 หนุนจากค่าตั๋วที่ลดลงจากอุปทานเที่ยวบินที่สูงและสัญญาณสายการบินต่างๆ กลับสู่ไทย เช่น United Airlines, EVA Air, Norse Atlantics และ อานิสงส์ซีรีส์ The White Lotus
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1240-1300 จุด หลังตลาดยังขาดปัจจัยชี้นำใหม่ โดยปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความคืบหน้าการเจรจาภาษีไทย-สหรัฐฯ, ดุลการค้า ต.ค., ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ต.ค. และ ครม. เศรษฐกิจพิจารณามาตรการช่วยเหลือสภาพคล่องผู้ประกอบการ SMEs และมาตรการส่งเสริมการลงทุนเร่งด่วน (BOI Fast Pass) ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ ดัชนี PCE และ PPI ก.ย., GDP 3Q68 (รายงานครั้งที่ 2) ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET เคลื่อนไหวในกรอบหลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 3 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS GULF BEM BGRIM PTT
2. หุ้นปันผลคุณภาพดีซึ่งมี SETESG Rating A-AAA เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตระยะสั้น โดยคาดจะมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2568 หลังหักเงินปันผลจ่ายระหว่างกาลแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5% และเราแนะนำ Outperform ได้แก่ BAM WHA KTB AP SIRI TOP BLA
3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง เราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL
4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจาก ครม. เศรษฐกิจพิจารณามาตรการส่งเสริมการลงทุนเร่งด่วน (BOI Fast Pass) แนะนำ กลุ่มนิคมฯ (WHA AMATA) 2) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐ แนะนำ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวดีมีคืน, กลุ่มไฟแนนซ์ (BAM MTC) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย และ 3) หุ้นที่คาดนำเข้าคำนวณดัชนี SET50 ในรอบ 1H69 ซึ่งจะประกาศในช่วงกลาง ธ.ค. นี้ แนะนำ SAWAD ITC
Daily Top Picks
CENTEL: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยของรัฐบาลและสถานการณ์ความขัดแย้งจีน-ญี่ปุ่นหนุนให้ นทท. จีนหันไปเที่ยวประเทศอื่นแทน 4Q68-1Q69 คาดกำไรยังมีแนวโน้มดีขึ้น QoQ ต่อเนื่อง โดยปี 2569 คาดกำไรปกติจะเติบโต 16%YoY หลังหดตัว 6%YoY ในปี 2568 เป้าหมายระยะสั้น 32.75 บาท
AMATA: ราคาหุ้นมีโอกาสได้อานิสงส์บวกระยะสั้นจาก ครม. เศรษฐกิจเตรียมพิจารณาโครงการ BOI Fast Pass ซึ่งจะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดการลงทุนขนาดใหญ่ที่ค้างท่อมูลค่า 3 แสนลบ. โมเมนตัมกำไรยังแข็งแกร่งหลังมี Backlog ในมือสูงกว่า 2 หมื่นลบ. คาดหนุนกำไรสุทธิปี 2568 เติบโต 20.6%YoY เป้าหมายระยะสั้น 15.60 บาท
ข่าวเด่น