แบงก์-นอนแบงก์
จ่ายไวเกินคิด! Cashless Effect ชี้ 3 วิธีดึงสติไม่ให้เงินไหลแบบไม่รู้ตัว


ในยุคที่เทคโนโลยีทางการเงินก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ความสะดวกที่เกิดจากระบบไร้เงินสดได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แต่สิ่งที่ตามมาคือพฤติกรรมและความรู้สึกต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว งานวิจัยจาก University of Adelaide (2567) ชี้ว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้เงินมากขึ้นเมื่อชำระแบบไร้เงินสด เพราะไม่ต้องเห็น ไม่ต้องสัมผัส และไม่ต้องนับก่อนจ่าย จึงไม่รู้สึกว่ากำลังสูญเสีย และมักมองว่าการจ่ายผ่านแอปพลิเคชันไม่ใช่การเสียเงินจริง ๆ
 
ข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (2568) ระบุว่า ในระยะ 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า สัดส่วนการใช้เงินสดในไทยอาจลดลงเหลือประมาณ 10 ถึง 20% ขณะเดียวกัน รายงาน Visa Consumer Payment Attitudes Study (2567) พบว่า คนไทย 97% ใช้โมบายแบงก์กิ้งเป็นประจำทุกสัปดาห์ และ 47% พกเงินสดลดลงจากปีก่อน เคทีซีจึงได้รวบรวม 3 แนวทางฝึกวินัยทางการเงินแบบใหม่ เพื่อปรับตัวให้เท่าทันยุคที่จ่ายง่ายเกินไป และช่วยให้ความรู้สึกต่อมูลค่าของเงินไม่ถูกลดทอนลงเพราะความสะดวกของเทคโนโลยี
 
 
1. รีเซ็ตสมอง (Digital Detox)
กำหนดวัน Digital Detox อย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์สำหรับบังคับตัวเองให้ใช้เฉพาะเงินสด และจดบันทึกทุกการใช้จ่าย เพื่อให้สมองส่วนที่ควบคุมการตัดสินใจ อารมณ์และพฤติกรรม (Anterior Cingulate Cortex) กลับมาจดจำความรู้สึกตอนหยิบเงินออกจากมืออีกครั้ง จะช่วยทำให้ความรู้สึกเสียดายหรือยับยั้งชั่งใจที่เคยหายไปกลับมา และช่วยให้เราตัดสินใจรอบคอบขึ้นในวันที่ต้องใช้เงินดิจิทัล
 
2. ตั้งเขตปลอดถอน (No-Touch Fund)
หลายคนมักยืมเงินตัวเองจากบัญชีเงินเก็บออกมาใช้ทำให้ไม่สามารถเก็บเงินได้จริง การเก็บเงินไว้ในที่ที่มีโอกาสงอกเงย เช่น กองทุนรวม หุ้นปันผล หรือการลงทุนแบบ DCA จะช่วยให้สมองเห็นว่าเงินนี้มีชีวิตและ กำลังทำงานแทนเรา ตัวเลขที่ขยับเพิ่ม ลด เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ Pain of Losing Progress หรือความเสียดายที่จะเสียผลลัพธ์ที่สร้างไว้ ซึ่งเป็นวินัยทางการเงินรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพกว่าการบังคับตัวเองให้ออมเงิน
 
3. ออมโดยไม่รู้ตัว (Micro-Round Up)
ภายใต้บริบทที่ทุกอย่างเชื่อมต่อออนไลน์ การออมเล็ก ๆ อาจเกิดขึ้นอัตโนมัติได้ทุกครั้งที่ใช้จ่าย เพียงตั้งระบบในแอปธนาคารให้ปัดเศษยอดใช้จ่ายขึ้น และโอนส่วนต่างนั้นไปบัญชีออมทันที เช่น ซื้อกาแฟ 56 บาท ปัดขึ้นเป็น 60 บาท โอน 4 บาทเข้าเก็บ เมื่อสะสมต่อเนื่องทุกวันจะกลายเป็นเงินออมก้อนสำคัญโดยไม่รู้ตัว เพราะการเริ่มต้นออมเงินที่ง่ายที่สุดคือเริ่มจากเงินที่เราไม่รู้สึกว่าหายไป
 
 
เมื่อเทคโนโลยีทำให้การชำระเงินง่ายขึ้น วินัยทางการเงินจึงไม่ได้อยู่ที่ความรู้ด้านตัวเลขเพียงเท่านั้น แต่รวมไปถึงการรู้เท่าทันพฤติกรรมการใช้จ่ายของตนเอง เพื่อให้การใช้เงินเป็นไปอย่างมีเหตุผลมากขึ้น เพราะความมั่นคงทางการเงินที่ยั่งยืนไม่ได้เกิดจากรายได้ที่มากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากความมีสติและความรอบคอบในการใช้จ่ายควบคู่กัน
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 พ.ย. 2568 เวลา : 14:37:21
26-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (25 พ.ย.68) บวก 16.05 จุด ดัชนี 1,268.78 จุด

2. ประกาศ กปน.: 2 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 พ.ย.68) บวก 14.49 จุด ดัชนี 1,267.22 จุด

4. MTS Gold คาดราคาทองคำประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,110-4,080 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,160-4,180 เหรียญ

5. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (25 พ.ย.68) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 32.37 บาทต่อดอลลาร์

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 พ.ย.68) บวก 14.7 ดอลลาร์ ขานรับความหวังเฟดลดดบ.เดือน ธ.ค.

7. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 พ.ย.68) บวก 202.86 จุด รับคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยเดือนธ.ค.

8. ทองเปิดตลาดวันนี้ (25 พ.ย. 68) พุ่งขึ้นแรง 750 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,150 บาท

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (25 พ.ย.68) บวก 9.75 จุด ดัชนี 1,262.48 จุด

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.45 บาท/ดอลลาร์

11. พยากรณ์อากาศวันนี้ (25 พ.ย.68) ทั่วไทยอากาศเย็นลงลมแรง อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา เว้นภาคอีสาน ลด 2-4 องศา ภาคเหนือ 2-3 องศา ส่วนภาคใต้ ฝนฟ้าคะนอง 70%

12. ประกาศ กปน.: 30 พ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำลาดกระบัง

13. ตลาดหุ้นปิด (24 พ.ย.68) ลบ 1.67 จุด ดัชนี 1,252.73 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (24 พ.ย.68) บวก 3.54 จุด ดัชนี 1,257.94 จุด

15. กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.20-32.70 ตลาดไม่แน่ใจแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2025, 4:11 am