เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ttb analytics คาดการณ์ช่วงครึ่งแรกของปี 2569 ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ไม่แข็งค่ามากหากเทียบกับภูมิภาค จากแนวโน้มเศษฐกิจไทยที่ชะลอลง และความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงินบาทและราคาทองคำที่ไม่เหมือนเดิม


ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics มองว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 จากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังอยู่ในวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ประกอบกับความกังวลความเป็นอิสระของ Fed และประเด็นวินัยทางการคลังของสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยกดดันค่าเงินดอลลาร์เพิ่มเติม อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินบาทอาจมีจำกัด หากเทียบกับเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค หลังปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยปี 2569 ไม่เอื้ออำนวยต่อการแข็งค่าเท่าที่ควร และความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงินบาทกับราคาทองคำโลกปรับลดลงอย่างมีนัย 

เข้าสู่ช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2568 ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนโลกมีแนวโน้มกลับมาผันผวนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดปริวรรตเงินตรา คงหนีไม่พ้นจังหวะการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) เดือน ธ.ค. หลังการสื่อสารของกรรมการ FOMC มีมุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ยที่แตกต่างกันมากขึ้น ประกอบกับในปีนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ มีการเปิดเผยที่ช้ากว่าปกติ อาทิ การจ้างงานนอกภาคการเกษตร และอัตราเงินเฟ้อ เดือน ต.ค. – พ.ย. จากผลของการหยุดทำการของรัฐบาล (Government Shutdown) ที่สร้างสถิติใหม่นานสุดของประวัติศาสตร์ ซึ่งจะสร้างความผันผวนเพิ่มเติมในช่วงสิ้นปี โดยการรับรู้ข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวนั้นจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางดอกเบี้ยนโยบายและเงินดอลลาร์  ในระยะต่อไป และในท้ายที่สุดจะส่งผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในปีหน้าเช่นกัน โดย ttb analytics มองว่าค่าเงินบาทในช่วงครึ่งปีแรก 2569 ยังคงมีความเสี่ยงด้านแข็งค่าขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังไม่สามารถ Outperform สกุลภูมิภาคได้ จากปัจจัยดังต่อไปนี้  

ค่าเงินดอลลาร์ ยังคงมีแนวโน้มปรับอ่อนค่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 ตามการลดดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอลงต่อเนื่อง
 
วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มต่อเนื่องไปถึงปี 2569 หลังตลาดการเงินคาดว่า Fed จะสามารถลดดอกเบี้ยได้อีก 3-4 ครั้ง ขณะที่ Dot Plots ของ Fed สะท้อนการลดดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อยในปีหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปัจจุบัน ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะตัวเลขในภาคแรงงาน ขณะที่ผลกระทบของภาษีนำเข้า ที่มีต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแนวโน้มรุนแรงน้อยกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ นอกจากนี้ การหยุดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วง ต.ค. ถึง กลาง พ.ย. จะส่งผลกระทบเพิ่มเติมต่อการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ภาพดังกล่าวสนับสนุนทิศทางการลดดอกเบี้ย และส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มปรับอ่อนค่าต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งในทางกลับกันจะทำให้เงินสกุลหลัก และภูมิภาคเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า รวมถึงค่าเงินบาท

ความกังวลถึงความเป็นอิสระของ Fed และวินัยทางการคลังสหรัฐฯ จะกลับมาเป็นประเด็นที่ตลาดให้ความสนใจ และเพิ่มความเสี่ยงด้านอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ 
 
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์ยังคงมีความเสี่ยงด้านอ่อนค่าเพิ่มเติมจากประเด็นความกังวลของความเป็นอิสระของ Fed หลัง Kevin Hassett ซึ่งเป็นพันธมิตรของ Trump และเป็นคนหลักในการสนับสนุนการลดดอกเบี้ยของ Fed มีแนวโน้มที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คนใหม่ หลัง Powell ครบวาระในช่วงกลางปีหน้า ประกอบกับประเด็นการถอดถอน Lisa Cook ออกจากตำแหน่งกรรมการ FOMC จะมีความคืบหน้าอีกครั้งในช่วงต้นปี หลังศาลมีกำหนดไต่สวนในช่วงเวลาดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้น ความไม่แน่นอนของวินัยทางการคลังจะกลับมาอยู่ในจุดที่ตลาดให้ความสนใจมากขึ้น หลังศาลฎีกาของสหรัฐฯ จะมีคำตัดสินอำนาจการขึ้นภาษีนำเข้าฯ ภายใต้กฎหมาย IEEPA ซึ่งหากยืนกรานคำตัดสินศาลอุธรณ์ จะซ้ำเติมแนวโน้มสถานะคลังสหรัฐฯ โดยเฉพาะหนี้สาธารณะต่อจีดีพีที่จะเพิ่มมากขึ้น ในระยะข้างหน้า หลัง One Big Beautiful Bill ผ่านเป็นกฎหมายแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์จะมีแนวโน้มอ่อนค่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 แต่การแข็งค่าของค่าเงินบาทอาจมีจำกัด และมีแนวโน้มแข็งค่าน้อยกว่าสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค 

ค่าเงินบาทอาจแข็งค่าได้ไม่มาก หลังความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงินบาท และราคาทองคำไม่เหมือนเดิม 
ในช่วงหลังโควิด-19 การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทส่วนใหญ่ได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากราคาทองคำ สะท้อนผ่านค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) ของผลตอบแทนค่าเงินบาทกับผลตอบแทนราคาทองคำที่สูงกว่า เมื่อเทียบทองคำกับเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค ส่งผลให้ในหลายจังหวะ ค่าเงินบาทมักเคลื่อนไหวแข็งค่า หรืออ่อนค่านำสกุลภูมิภาค สอดคล้องกับราคาทองคำ อาทิ ช่วงกลางไตรมาสที่ 3 ของปี  2568 ที่ค่าเงินบาทปรับแข็งค่านำสกุลภูมิภาค หลังราคาทองคำโลกปรับเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของค่าเงินบาทและราคาทองคำ ตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาสที่ 4 ของปี 2568 ลดลงอย่างมีนัย ส่วนหนึ่งมาจากภาครัฐที่ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของค่าเงินบาทและราคาทองคำที่สูง ตลอดจนการเปิดเผยถึงแนวทางการลดความสัมพันธ์ดังกล่าว อาทิ การทบทวนแนวทางการเก็บภาษีซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ ทั้งนี้ ในช่วงต้นเดือนธันวาคม ปี 2568 ทางธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) กำลังเสนอกระทรวงการคลังให้กลุ่มผู้ค้าทองคำรายใหญ่รายงานธุรกรรมการซื้อขายทองคำ เพื่อที่จะได้เห็นข้อมูลธุรกรรม FX ที่เกี่ยวข้องกับทองคำชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังปรับแนวปฏิบัติและกำชับให้สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวด สำหรับการรับทำธุรกรรม FX ที่เกี่ยวกับทองคำ ภาพดังกล่าวคาดว่าจะทำให้แรงกดดันด้านแข็งค่าจากราคาทองคำที่มีต่อค่าเงินบาทในปีหน้าเป็นไปอย่างจำกัด

นอกจากนี้ ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยที่กำลังเผชิญ Cyclical และ Structural Headwinds ในปีหน้า ไม่เอื้อให้ค่าเงินบาทแข็งค่า 
หากมองในมุมปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทย  แนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2569 มีความท้าทายค่อนข้างสูง ส่งผลให้ ttb analytics คาดว่าจีดีพีของไทยจะเติบโตเพียง 1.6% ชะลอตัวลงจากปี 2568 และต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานที่สูงในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 จากอานิสงค์ของการเร่งส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ ก่อนภาษีนำเข้าจะเริ่มการบังคับใช้ นอกจากนี้ การส่งออกของไทยก็ยังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งจากความสามารถในการแข่งขัน การสวมสิทธิ์สินค้าที่มาจากประเทศจีน ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่การผลิตของโลก รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพการเมืองไทยที่ยังมีอยู่ หลังรัฐบาลชุดปัจจุบันมีเงื่อนไขต้องยุบสภาภายในปี 2569  ภาพดังกล่าวจะจำกัดการแข็งค่าของค่าเงินบาท และอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านอ่อนค่ามากขึ้น โดยเฉพาะหากความสัมพันธ์ของเงินบาทและราคาทองคำลดต่ำลง

โดยสรุป ค่าเงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวทิศทางแข็งค่าในครึ่งแรกของปีหน้า จากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์เป็นสำคัญ จากทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังอยู่ในช่วงขาลง ความเสี่ยงจากการคลัง และความเป็นอิสระของ Fed อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทในรอบนี้มีจำกัด เนื่องจากความสัมพันธ์ค่าเงินบาทกับราคาทองคำลดลงชัดเจน และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ชะลอลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับค่าเงินไม่ว่าจะเป็นผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ผู้ลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ หรือผู้ที่มีหนี้ในสกุลเงินต่างประเทศ ควรติดตามข้อมูลข่าวสารด้านเศรษฐกิจการเงินอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอลงต่อเนื่อง และจังหวะการลดดอกเบี้ยของ Fed ที่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ ตลอดจนตัวเลขเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ ยังควรศึกษาและใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเหมาะสม เพื่อลดความผันผวนและความเสี่ยงของค่าเงินบาท และเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนที่จะมีต่อเนื่องในปี 2569 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 ธ.ค. 2568 เวลา : 12:42:53
04-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (4 ธ.ค.68) ลบ 1.05 จุด ดัชนี 1,273.77 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (4 ธ.ค.68) ลบ 1.62 จุดดัชนี 1,273.20 จุด

3. ตลาดหุ้นไทยเปิด (4 ธ.ค.68) บวก 5.60 จุด ดัชนี 1,280.42 จุด

4. ทองเปิดตลาดวันนี้ (4 ธ.ค. 68) ปรับขึ้น 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,400 บาท

5. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (4 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 31.90 บาทต่อดอลลาร์

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (3 ธ.ค.68) บวก 11.70 ดอลลาร์ คาดเฟดลดดอกเบี้ยหลังจ้างงานอ่อนแอ

7. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (3 ธ.ค.68) พุ่ง 408.44 จุด ข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอลงหนุนคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย

8. พยากรณ์อากาศวันนี้ (4 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า มีฝนฟ้าคะนองในภาคอีสาน-ภาคตะวันออก-ภาคใต้

9. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-32.05 บาท/ดอลลาร์

10. MTS Gold คาดราคาทองคำในระยะสั้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ (Sideway) ระหว่าง 4,190 ถึง 4,235 เหรียญ

11. ตลาดหุ้นปิด (3 ธ.ค.68) ลบ 2.76 จุด ดัชนี 1,274.82 จุด

12. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (3 ธ.ค.68) ลบ 2.24 จุดดัชนี 1,275.34 จุด

13. MTS Gold คาดราคาทองคำได้กลับเข้าสู่สภาวะทรงตัว ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,190-4,170 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,250-4,270 เหรียญ

14. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (2 ธ.ค.68) ร่วง 54 ดอลลาร์ เหตุนักลงทุนแห่ขายทำกำไรหลังราคาพุ่งติดต่อกัน 6 วัน

15. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (3 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 4, 2025, 5:30 pm