เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ "เดือนพ.ย.68 เงินเฟ้อจีนเร่งขึ้นจากปัจจัยชั่วคราว ความเสี่ยงเงินฝืดยังเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจจีน"


ในเดือนพ.ย.68 เงินเฟ้อจีนขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ 0.7%YoY จาก 0.2%YoY ในเดือนต.ค. 68ได้รับปัจจัยหนุนสำคัญจากราคาอาหาร โดยเฉพาะราคาผักสดที่เร่งตัวขึ้นอยู่ที่ 14.5%YoY จาก -7.3%YoY ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวอยู่ที่ 1.2%YoY (รูปที่ 1) 
 
 

 
Source: CEIC, Kasikorn Research
 
แม้เงินเฟ้อจีนจะส่งสัญญาณเร่งตัวขึ้น แต่เมื่อพิจารณารายสินค้าพบว่า ปัจจัยหนุนสำคัญของเงินเฟ้อจีนมาจากสินค้าในกลุ่มสินค้าและบริการอื่น ๆ (Miscellaneous Goods & Service) ที่เร่งตัวขึ้นอยู่ที่ 14.2%YoY (รูปที่ 2) โดยเป็นผลมาจากการปรับขึ้นของราคาทองคำซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราว ขณะที่สินค้ารายการอื่น ๆ ทรงตัว และปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ราคารถยนต์ยังหดตัวเพิ่มขึ้น ภาพรวมจึงสะท้อนว่าปัญหาเงินฝืดในจีนยังคงมีอยู่ ซึ่งคาดว่าจะกดดันการบริโภคจีนต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า

 
Source: CEIC, Kasikorn Research
 
ด้านเงินเฟ้อผู้ผลิตจีนยังหดตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 38 อยู่ที่ -2.2%YoY (รูปที่ 3) โดยราคาสินค้าผู้ผลิต เช่น วัตถุดิบ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิต  รวมถึงสินค้าคงทนยังคงหดตัว ขณะที่มาตรการ Anti-involution ของจีนเข้ามาหนุนระดับสินค้าได้ในบางอุตสาหกรรม เช่น โลหะกลุ่มเหล็ก  (Ferrous Metal) เป็นต้น 

 
Source: CEIC
 
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เงินเฟ้อจีนเร่งตัวขึ้นจากปัจจัยชั่วคราว ขณะที่มาตรการ Anti-involution ของจีนยังต้องใช้เวลากว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องสงครามราคาได้ โดยกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนต.ค.68 หดตัวอยู่ที่ 5.5%YoY (รูปที่ 5) ปัญหาเงินฝืดจะยังเป็นปัจจัยกดดันการใช้จ่าย และเศรษฐกิจจีนต่อเนื่องไปจนถึงปี 2026 โดยมี 3 ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง คือ
 
1. ทางการจีนเตรียมลดสิทธิ์ยกเว้นภาษีรถ EV และปรับเกณฑ์รถ EV ที่เข้าเงื่อนไขในปี 2569 แม้มาตรการดังกล่าวคาดจะส่งผลดีต่อราคารถ EV ในระยะข้างหน้า แต่ระยะสั้นคาดเกิดการระบายสินค้าคงคลังกดดันราคารถ EV ซึ่งผลของการเร่งซื้อในช่วงปลายปี 2568 อาจกดดันอุปสงค์ในปี 2569
 
2. ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังหดตัวจะยังเป็นปัจจัยสำคัญกดดันการใช้จ่ายของผู้บริโภคในจีน 
 
3. ปัญหาสงครามการค้าที่ยังมีอยู่ โดยสหรัฐฯ เตรียมเก็บภาษ๊รายสินค้า รวมถึงเงื่อนไขของการเก็บภาษี Transhipment 

 
 
ทั้งนี้ รอติดตามการประชุม Central Economic Work Conference ของจีนที่คาดจะเกิดขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เพื่อติดตามนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ และทิศทางเศรษฐกิจจีนในปี 2569  

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 ธ.ค. 2568 เวลา : 20:49:42
14-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (12 ธ.ค.68) บวก 0.56 จุด ดัชนี 1,254.10 จุด

2. MTS Gold คาดราคาทองคำเข้าสู่รูปแบบ "Sideway Up" ขณะที่วันนี้ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,250-4,230 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,300-4,320 เหรียญ

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (12 ธ.ค.68) บวก 0.29 จุด ดัชนี 1,253.83 จุด

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (11 ธ.ค.68) พุ่ง 88.30 ดอลลาร์ ขานรับเฟดลดดอกเบี้ย

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (11 ธ.ค.68) พุ่งทำนิวไฮ บวก 646.26 จุด รับเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยอีก

6. พยากรณ์อากาศวันนี้ (12 ธ.ค.68) ภาคใต้ มีฝนเพิ่มขึ้น 70% กับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ส่วนประเทศไทยตอนบนอากาศเย็นในตอนเช้าและมีฝน 10-20% บางพื้นที่

7. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.55-31.80 บาท/ดอลลาร์

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (12 ธ.ค.68) บวก 1.32 จุด ดัชนี 1,254.86 จุด

9. ทองเปิดตลาดวันนี้ (12 ธ.ค. 68) พุ่งขึ้น 500 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,750 บาท

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (12 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 31.63 บาทต่อดอลลาร์

11. ประกาศ กปน.: 16 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำลาดกระบัง

12. ประกาศ กปน.: 16 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนสิรินธร

13. ตลาดหุ้นปิด (11 ธ.ค.68) ลบ 16.33 จุด ดัชนี 1,253.54 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (11 ธ.ค.68) ลบ 14.54 จุด ดัชนี 1,255.33 จุด

15. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (10 ธ.ค.68) ร่วง 11.50 ดอลลาร์ ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟดลดดอกเบี้ย

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 14, 2025, 11:25 am