เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล. อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ยังขาดปัจจัยใหม่"



 
คาดตลาดไซด์เวย์/ชะลอตัว ตลาดยังอยู่ในโหมดเฝ้าระวังต่อหลังไม่ตอบสนองต่อปัจจัยบวกเรื่องการลดดอกเบี้ยและในที่สุดปรับลง ระยะสั้นติดตามนโยบายพรรคการเมืองโดยเฉพาะการแก้ปัญหา ศก. ปัจจัยภายนอก ตลาดหุ้นญี่ปุ่นลงต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ก่อนรู้ผล BOJ วันนี้ หากเป็นไปตามคาดอาจมีแรง Cover Short สั้น ทางเทคนิค ตลาดหลุดแนวรับสำคัญ 1250-1248 วันนี้ต้องขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 1255-1258 จึงจะยกเลิกแนวโน้มลง มิฉะนั้นยังระวัง แนวรับหลักถัดไป 1240/1230 

ประเด็นสำคัญ

• ราคาหุ้นโรงไฟฟ้าเผชิญแรงขาย คาดว่าเกิดจากความกังวลต่อต้นทุนเชื้อเพลิงที่อาจปรับขึ้นตามราคาน้ำมันโลกหลังสหรัฐฯ ปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมันเวเนซุเอลา มองราคาหุ้นที่ปรับลงเป็นโอกาสสะสม เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงอยู่ในทิศทางขาลง โดยเฉพาะราคา LNG ที่ลดลงสู่ US$9.35/mmBTU ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี

• การประชุม ครม. นัดพิเศษได้หารือเกี่ยวกับประเด็นบาทแข็งค่า กระทรวงการคลังและ ธปท. ได้ทำงานร่วมกันตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ส่วนกระทรวงพาณิชย์ได้สนับสนุนข้อมูลการส่งออกสำหรับประกอบการพิจารณาใช้กลไกทางการเงินเพื่อดูแลและรักษาเสถียรภาพทางการค้า และขอให้ธนาคารพาณิชย์ตรวจสอบเอกสารและที่มาให้เข้มงวดขึ้น

• ผู้ว่าฯ ธปท. พบธุรกรรมซื้อขายทองคำรูปแบบ Paper Trade ของผู้ประกอบการรายใหญ่เพียง 3-4 รายมีมูลค่าสูง คิดเป็น 50% ของ GDP และส่งผลต่อค่าเงินบาทอย่างมีนัยยะฯ

• เงินเฟ้อสหรัฐฯ ใน พ.ย. 2568 ชะลอลงสู่ +2.7%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดและต่ำสุดตั้งแต่ ก.ค. 2568 ส่วนเงินเฟ้อใน ต.ค. 2568 ไม่ถูกเก็บข้อมูลเนื่องจากตรงกับ US Shutdown แต่ตลาดมองว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เพียงพอจะทำให้เฟดลดดอกเบี้ยจากความผันผวนขอข้อมูล

• การประชุมนโยบายการเงิน BoE มีมติลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps สู่ระดับ 3.75% เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ ท่ามกลางภาวะค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง เช่นเดียวกับ ECB ที่คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% หลังเงินเฟ้อได้กลับสู่กรอบเป้าหมาย 

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาส Sideway Down จากกังวลสุญญากาศทางการเมืองไทย โดยมีแนวโน้มลงไปทดสอบฐานเดิมบริเวณ 1230 และมีกรอบบนจำกัดที่ 1285 โดยมีปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ ได้แก่ BoJ (ตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 25bps สู่ 0.75%) ส่วนธนาคารกลางอื่นๆ ได้มีมติการประชุมเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ เช่น กนง. ลดดอกเบี้ยลงสู่ 1.25%, BoE ลดดอกเบี้ยสู่ 3.75% และ ECB คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.00% และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เช่น การจ้างงานสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวต่อเนื่องและเงินเฟ้อ พ.ย. ที่ชะลอลงสู่ +2.7%YoY ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามรายชื่อผู้สมัครและนโยบายหลักแต่ละพรรค หลัง กกต. ประกาศวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 ก.พ. 2569 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสปรับลงจากกังวลสุญญากาศทางการเมืองไทยและขาดมาตรการกระตุ้นใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 3 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก คาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform แนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BEM BGRIM GULF PTT

2. หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SET ESG Ratings A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP DIF KTB PTT TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 2568 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM KBANK SAT THANI TLI

3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในวันที่ 17 ธ.ค. นี้ และปีหน้า 2 ครั้งในปี 2569 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL

4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้ sentiment บวกระยะสั้นหาก กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายสัปดาห์นี้ แนะนำ AP GULF GPSC MTC SAWAD 2) หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CPAXT) กลุ่มอาหาร (GFPT) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนระยะสั้นในหุ้นกลุ่มรับเหมาและกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เพราะเชื่อมโยงกับนโยบายและโครงการของรัฐ และ 3) หุ้น SET50 ที่คาดได้อานิสงส์จากทำปิด Window Dressing แนะนำ BDMS BH MINT CPF LH ซึ่งราคาหุ้นปรับลง YTD และพบสถิติย้อนหลัง 5 ปีราคาหุ้นจะปรับขึ้นเฉลี่ย 2.2% หากซื้อก่อน 5 วันทำการสุดท้ายก่อนสิ้นปี

Special Report: Yearbook 2026 ซึ่งมาด้วยแนวคิด “Riding the Wild Horse” เพื่อสื่อถึงมุมมองการลงทุนที่คาดจะยังให้ผลตอบแทนได้แต่มีความผันผวนสูง จึงต้องคัดสรรและกระจายการลงทุนมากขึ้น พร้อม 8 หุ้น Top Picks ในตลาดหุ้นไทยที่คัดสรรมาให้ (อ่านเพิ่มได้ในบทวิเคราะห์ซึ่งออกเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2568)

Daily Top Picks

CENTEL: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการเข้า SET50 ในครึ่งแรกของปี 2569และความขัดแย้งจีน-ญี่ปุ่นทยอยหนุนให้ นทท. จีนหันไปเที่ยวประเทศอื่นรวมถึงไทยได้ ล่าสุด นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น 5.2%WoW ขณะที่กำไรยังมีแนวโน้มดีเพิ่ม QoQ ใน 4Q68-1Q69 คาดปี 2569 กำไรโต 16%YoY เป้าหมายระยะสั้น 32.75 บาท
 
SAWAD: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการลดดอกเบี้ยของ กนง.หนุน และการเข้า SET50 ในครึ่งแรกของปี 2569 ทางพื้นฐานเราคาดว่ากำไรจะโต 12% ในปี 2569 ได้รับแรงหนุนจากสินเชื่อขยายตัว 10% จากสินเชื่อจำนำทะเบียน ในขณะที่ NIM คาดเพิ่มขึ้น 13 bps รวมถึง Credit Cost ที่ลดลง 20bps ราคาเป้าหมายระยะสั้น 27 บาท

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 ธ.ค. 2568 เวลา : 12:14:56
22-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 27 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำบางเขน 2

2. ตลาดหุ้นปิด (22 ธ.ค.68) บวก 17.49 จุด ดัชนี 1,269.68 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (22 ธ.ค.68) บวก 12.44 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,264.63 จุด

4. MTS Gold คาดราคาทองคำตลาดโลกกำลังเคลื่อนไหวทดสอบระดับสูงสุดเดิม (All Time High) แนวรับที่ 4,340-4,320 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,400-4,420 เหรียญ

5. ทองเปิดตลาดวันนี้ (22 ธ.ค. 68) พุ่งขึ้น 450 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 65,750 บาท

6. พยากรณ์อากาศวันนี้ (22 ธ.ค.68) "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด มีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิ 2 องศา "ยอดภู" 10 องศา

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (22 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 31.40 บาทต่อดอลลาร์

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (22 ธ.ค.68) บวก 9.85 จุด ดัชนี 1,262.04 จุด

9. ตลาดหุ้นปิด (19 ธ.ค.68) บวก 2.12 จุด ดัชนี 1,252.19 จุด

10. ประกาศ กปน.: 24 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพระรามที่ 2

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 ธ.ค.68) บวก 3.58 จุด ดัชนี 1,253.65 จุด

12. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงอยู่ในทิศทาง Sideway Up ในระยะนี้ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,315-4,290 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,350-4,375 เหรียญ

13. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (18 ธ.ค.68) ลบ 9.40 ดอลลาร์ นักลงทุนลดการถือทองคำ หลัง CPI ชะลอตัว

14. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (18 ธ.ค.68) บวก 65.88 จุด เงินเฟ้อต่ำ หนุนเฟดลดดอกเบี้ยมี.ค.ปีหน้า

15. พยากรณ์อากาศวันนี้ (19 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบนอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 1-2 องศา,ภาคใต้ ฝน 30-40%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 22, 2025, 11:22 pm