เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล. อินโนเวสท์วิเคราะห์ "สถานการณ์ชายแดนยังร้อนแรง"


คาดตลาดไซด์เวย์/ชะลอตัว ในวันศุกร์ทำจุดสูงสุดที่แนวต้านที่ให้เป็นข้อสังเกตยังไม่สามารถยืนเหนือ 1258 ได้ สถานการณ์ชายแดนร้อนแรงอีกครั้ง ติดตามนโยบายพรรคการเมืองในการแก้ปัญหา ศก. และ Window Dressing ปลายสัปดาห์ ภายนอก สัปดาห์นี้มีตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนและ 3Q68 GDP สหรัฐฯ ทางเทคนิค ตลาดมีช่วงหลุดแนวรับ 1250-1248 ต้องขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 1258 จึงจะยกเลิกแนวโน้มลง มิฉะนั้นเป็นการแกว่งลง มีแนวรับหลักถัดไป 1240/1230 

ประเด็นสำคัญ

• กระทรวงกลาโหมเผยกัมพูชาได้ยิง BM-21 ใส่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และประกาศให้ ปชช. ใน 4 อำเภอในสระแก้วอพยพ วันนี้ติดตามแนวทางการรับมือสถานการณ์จากการประชุม สมช. เวลา 9:00 น. และการประชุม รมต. ตปท. อาเซียนในมาเลเซียในวันเดียวกัน

• กระทรวงพลังงานและกลุ่มผู้ได้รับสัมปทานได้ประชุมเร่งด่วนเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันแท่นขุดเจาะ หลังพบโดรนไม่ทราบฝ่ายบินเข้ามาก่อกวนบริเวณแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซฯ กลางทะเล นับตั้งแต่เกิดการปะทะไทย-กัมพูชาในวันที่ 7 ธ.ค. 2568

• จีนงดนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันใน พ.ย. 2568 และหันไปพึ่งพาถั่วเหลืองจากอเมริกาใต้ เป็น Sentiment เชิงลบระยะสั้นต่อราคาถั่วเหลือง เป็นบวกระยะสั้นต่อกลุ่มเนื้อสัตว์ CPF BTG GFPT TFG ติดตามยอดนำเข้าใน ธ.ค. 2568 คาดว่าจะมียอดนำเข้าจากสหรัฐฯ อีกราว 7 ล้านตัน หลังผู้ค้าเผยว่าได้มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นแต่ยังเดินทางไปไม่ถึง

• การประชุมนโยบายการเงิน BoJ มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ 0.75% เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. เป็นไปตามที่ตลาดคาด และส่งสัญญาณพร้อมปรับขึ้นอีก ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นระยะ 10 ปีขึ้นแตะ 2.0% ค่าเงินเยนอ่อนค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐแตะ 158 เยน

• LG Chem, DL Chemical, Yeochun NCC ได้ส่งแผนปรับโครงสร้างธุรกิจปิโตรเคมีแก่รัฐบาลเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ซึ่งจะนำไปสู่การลดกำลังการผลิตในระยะสั้นและปรับปรุงการผลิตเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1230-1285 จุด หลังขาดปัจจัยชี้นำใหม่ และมีวอลุ่มซื้อขายที่เบาบางลง หลังบรรยากาศการลงทุนเริ่มใกล้ช่วงปลายปีก่อนเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ทำให้นักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขาย โดยเฉพาะต่างชาติ ทั้งนี้มองตลาดจะติดตามปัจจัยในประเทศเป็นหลัก อาทิ รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและนโยบายหลักแต่ละพรรค ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและผลประกอบการของ บจ. ไทย, ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุน อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกบางส่วนที่อาจช่วยพยุงดัชนีไว้ได้ เช่น แรงซื้อจากกองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง ThaiESG ที่อาจเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องในระยะสั้น และการทำ Window Dressing ที่นักลงทุนสถาบันบางส่วนอาจใช้ปรับพอร์ตให้ดูดีก่อนสิ้นปี ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบก่อนเข้าช่วงสิ้นปี คาดตลาดติดตามปัจจัยในประเทศ-การเมือง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 3 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BEM BGRIM GULF PTT

2. หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SETESG Rating A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP DIF KTB PTT TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 2568 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM KBANK SAT THANI TLI 

3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้าอีก 2 ครั้ง อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL

4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CPAXT) กลุ่มอาหาร (GFPT) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนระยะสั้นในหุ้นกลุ่มรับเหมาและกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เพราะเชื่อมโยงกับนโยบายและโครงการของรัฐ 2) หุ้น SET50 ที่คาดได้อานิสงส์จากทำปิด Window Dressing แนะนำ BDMS BH MINT CPF LH ซึ่งราคาหุ้นปรับลง YTD และพบสถิติย้อนหลัง 5 ปีราคาหุ้นจะปรับขึ้นเฉลี่ย 2.2% หากซื้อก่อน 5 วันทำการสุดท้ายก่อนสิ้นปี และ 3) หุ้นที่อยู่ใน SETESG และ SET100 ที่คาดได้อานิสงส์จากมีแรงซื้อโค้งสุดท้ายกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG โดยเลือกหุ้นที่ล่าสุด ตลท. ประกาศผล SET ESG Rating ดีขึ้นตั้งแต่ A ขึ้นไปและเราแนะนำ Outperform อีกทั้งราคาหุ้นปรับลง YTD เลือก BDMS CHG ERW GLOBAL HMPRO PRM

Daily Top Picks

KTB: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการเป็นธนาคารที่มีการเติบโตของสินเชื่อใน พ.ย. สูงสุดในกลุ่ม +2.2% MoM จากทั้งภาครัฐและธุรกิจ ให้ปันผลสูง คาดปี 2568–2570 อยู่ที่ราว 2.15–2.35 บาท/หุ้น หรือ Div. Yield ราว 7.9-8.6% มีความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ตํ่า และมีโอกาสจะประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน เป้าหมายระยะสั้นที่ 29.50 บาท

AP: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากแผนทยอยเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ากว่า 2 หมื่นลบ. ใน 4Q68 และวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง กำไรสุทธิ 4Q68 คาดจะทำจุดสูงสุดของปี ฟื้นตัว QoQ แม้ทรงตัว YoY หนุนจาก Backlog ที่แข็งแกร่งจากโครงการแนวราบและการเริ่มโอนคอนโด คาดปันผลปี 2568 ที่ 0.49 บาท/หุ้น หรือ 5.5% เป้าหมายระยะสั้น 8.95 บาท
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ธ.ค. 2568 เวลา : 11:15:29
22-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 27 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำบางเขน 2

2. ตลาดหุ้นปิด (22 ธ.ค.68) บวก 17.49 จุด ดัชนี 1,269.68 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (22 ธ.ค.68) บวก 12.44 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,264.63 จุด

4. MTS Gold คาดราคาทองคำตลาดโลกกำลังเคลื่อนไหวทดสอบระดับสูงสุดเดิม (All Time High) แนวรับที่ 4,340-4,320 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,400-4,420 เหรียญ

5. ทองเปิดตลาดวันนี้ (22 ธ.ค. 68) พุ่งขึ้น 450 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 65,750 บาท

6. พยากรณ์อากาศวันนี้ (22 ธ.ค.68) "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด มีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิ 2 องศา "ยอดภู" 10 องศา

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (22 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 31.40 บาทต่อดอลลาร์

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (22 ธ.ค.68) บวก 9.85 จุด ดัชนี 1,262.04 จุด

9. ตลาดหุ้นปิด (19 ธ.ค.68) บวก 2.12 จุด ดัชนี 1,252.19 จุด

10. ประกาศ กปน.: 24 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพระรามที่ 2

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 ธ.ค.68) บวก 3.58 จุด ดัชนี 1,253.65 จุด

12. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงอยู่ในทิศทาง Sideway Up ในระยะนี้ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,315-4,290 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,350-4,375 เหรียญ

13. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (18 ธ.ค.68) ลบ 9.40 ดอลลาร์ นักลงทุนลดการถือทองคำ หลัง CPI ชะลอตัว

14. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (18 ธ.ค.68) บวก 65.88 จุด เงินเฟ้อต่ำ หนุนเฟดลดดอกเบี้ยมี.ค.ปีหน้า

15. พยากรณ์อากาศวันนี้ (19 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบนอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 1-2 องศา,ภาคใต้ ฝน 30-40%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 22, 2025, 11:22 pm