เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ "แนวโน้มธุรกิจสนามบินไทย"


• ปี 2569 คาดว่ารายได้ธุรกิจสนามบินจะอยู่ที่ 87,200 ล้านบาท หรือขยายตัว 13.4% กลับมาขยายตัว โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจาก 1. การปรับเพิ่มค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge: PSC) สนามบินสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ 2.จำนวนผู้โดยสารที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 153 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.5% และ 3. แผนเที่ยวบินจากสายการบินระหว่างประเทศมาไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2569 ยังสะท้อนภาพบวก 

• ไปข้างหน้า ธุรกิจสนามบินในไทยเผชิญความท้าทายสูง จากความเสี่ยงที่จำนวนผู้โดยสารและแผนเที่ยวบินของสายการบินอาจลดลงกว่าที่ประเมิน จากทิศทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศชะลอตัวและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ ที่มีผลต่อการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีผลต่อรายได้ที่เกี่ยวกับกิจการการบิน และผลต่อเนื่องถึงรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน ในส่วนของสัมปทานก็อาจได้รับผลกระทบจากส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลง

 
แนวโน้มธุรกิจสนามบินในไทย
 
ในปี 2569 แนวโน้มภาพรวมของธุรกิจสนามบินในไทยน่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยรายได้ของธุรกิจสนามบินคาดว่าจะอยู่ที่ 87,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% จากที่คาดว่าจะหดตัว 4.6% ในปี 2568 (ปรับประมาณการ) (รูปที่ 2) โดยได้รับปัจจัยบวกจากรายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน (Aeronautical Revenue) ที่เพิ่มขึ้น แต่ในส่วนรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non- Aeronautical Revenue) ในสนามบินหลักยังมีความไม่แน่นอนสูง 

 
ทั้งนี้ รายได้ของธุรกิจสนามบิน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 

กลุ่มที่ 1 รายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน อาทิ ค่าบริการผู้โดยสารขาออกเส้นทางระหว่างประเทศและภายในประเทศ (Passenger Service Charge: PSC) และค่าบริการสนามบิน 

กลุ่มที่ 2 รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน อาทิ ค่าเช่าพื้นที่ รายได้จากสัมปทาน และค่าบริการอื่นๆ เช่น ค่าสาธารณูปโภค ค่าบริการเคาน์เตอร์เช็คอินและบริการภายในสนามบิน เป็นต้น 

โดยสัดส่วนโครงสร้างรายได้ขึ้นอยู่กับขนาดของสนามบิน กรณีสนามบินขนาดเล็ก รายได้ส่วนใหญ่ หรือมากกว่า 80% มาจากรายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน ขณะที่ หากเป็นสนามบินขนาดใหญ่ รายได้ของทั้ง 2 กลุ่มจะมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน สำหรับแนวโน้มการเติบโตของรายได้ธุรกิจสนามบินของแต่ละกลุ่มจะเป็นดังนี้ 

1. รายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน น่าจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2569 โดยมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้

1.1 การปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออกเส้นทางระหว่างประเทศและภายในประเทศ (Passenger Service Charge: PSC) ช่วยหนุนรายได้เติบโต โดยเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 คณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ได้อนุมัติการปรับขึ้นอัตราค่าบริการผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ (Passenger Service Charge: PSC) สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศสนามบินหลัก 6 แห่ง ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ สนามบินแม่ฟ้าหลวง สนามบินภูเก็ต และสนามบินหาดใหญ่  ซึ่งจะทำให้ค่าบริการเส้นทางระหว่างประเทศเพิ่มเป็น 1,120 บาทต่อคน จากเดิมที่ 730 บาทต่อคน หรือเพิ่มขึ้น 53% ขณะที่ คาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน  2569 ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ของธุรกิจสนามบินกลับมาเติบโต (รูปที่ 3)
 
 
 
นอกจากนี้ ในปี 2568 สนามบินภูมิภาค 6 แห่ง ได้มีการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออกเส้นทางระหว่างประเทศและภายในประเทศ ได้แก่ สนามบินกระบี่ สนามบินสุราษฎร์ธานี สนามบินอุบลราชธานี สนามบินขอนแก่น สนามบินนครศรีธรรมราช และสนามบินพิษณุโลก ผู้โดยสารขาออกจะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มขึ้น 25 บาท (ผู้โดยสารเส้นทางภายในประเทศปรับขึ้นค่าบริการจาก 50 บาท เป็น 75 บาทต่อคน และผู้โดยสารเส้นทางระหว่างประเทศปรับขึ้นค่าบริการจาก 400 บาท เป็น 425 บาทต่อคน) โดยเรียกเก็บจากผู้โดยสารเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา 

1.2 ปริมาณผู้โดยสารที่ใช้สนามบิน (รวมชาวไทยและต่างชาติที่เดินทางในประเทศและระหว่างประเทศ) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2569 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 153 ล้านคน โต 3.5% จากปี 2568 ที่โต 5.1% (รูปที่ 4) ซึ่งการเดินทางระหว่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 55% ของปริมาณผู้ใช้สนามบินทั้งหมด (รวมชาวไทยและต่างชาติที่เดินทางในประเทศและระหว่างประเทศ)

โดยการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารที่ใช้สนามบินในไทยได้รับปัจจัยบวกจากการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศและในประเทศของชาวไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่น่าจะกลับมาเติบโต โดยในปี 2569 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจะอยู่ที่ประมาณ 34.1 ล้านคน โตที่ 4% จากที่คาดว่าจะหดตัวประมาณ 7% ในปี 2568 (รูปที่ 5) ซึ่งตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้อย่างนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ และนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปก็น่าจะยังเติบโตดี

 
1.3 แนวโน้มปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศจากหลายประเทศมาไทยเพิ่มขึ้น ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2569 ภาพรวมแผนการบินของสายการบินจากประเทศต่างๆ มาไทยเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปี 2568 หรือมีจำนวนเที่ยวบิน 63,468 เที่ยว  (รูปที่ 6) เมื่อพิจารณาเที่ยวบินจากประเทศต่างๆ ไปยังสนามบินนานาชาติของไทย พบว่า หลายสนามบินมีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 

 
เมื่อพิจารณาทิศทางจำนวนเที่ยวบินของสายการบินที่มีแผนบินมาไทยจากประเทศต่างๆ 10 อันดับแรก พบว่า เที่ยวบินจากจีนมีจำนวนสูงเป็นอันดับ 1  โดยในไตรมาส 1 ของปี 2569 จำนวนเที่ยวบินของสายการบินที่มีแผนบินมาไทยอยู่ที่ 11,330 เที่ยว แต่ยังลดลง 11% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปี 2568 อย่างไรก็ดี จำนวนเที่ยวบินอาจมีการปรับขึ้นตามความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน (วันที่ 15-23 กุมภาพันธ์ 2568) ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนมาก หากไทยเร่งทำการตลาดและฟื้นความเชื่อมั่นในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน อาจทำให้จำนวนเที่ยวบินจากจีนปรับเพิ่มขึ้น

สำหรับเที่ยวบินจากอินเดียมีจำนวนเที่ยวบินสูงเป็นอันดับ 2 และเติบโตสูงถึง 23% ขณะที่จำนวนเที่ยวบินจากมาเลเซียสูงมากเป็นอันดับ 3 และโต 4% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปี 2568 (รูปที่ 7) ทั้งนี้ จำนวนเที่ยวบินอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ ความต้องการเดินทางท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ มาไทย สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ รวมถึงปัจจัยภายในประเทศไทย

1.4 การเปิดอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคล (Private Jet Terminal)  ที่คาดว่าจะช่วยสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมการขึ้นลงและจอดเครื่องบิน (Landing & Parking) ของ Private Jet ให้กับธุรกิจสนามบินในระยะข้างหน้า
 
 
 

2. รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non- Aeronautical Revenue) โดยในปี 2569 คาดว่าจะยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากยังต้องติดตามประเด็นเรื่องสัมปทานพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์และรายได้จากค่าเช่าในท่าอากาศยานหลัก โดยก่อนหน้าทางภาครัฐได้มีการยกเลิกพื้นที่ร้านค้าปลอดภาษีขาเข้า (Duty free) ส่งผลทำให้รายได้ในส่วนนี้ลดลง อย่างไรก็ดี หลายสนามบินก็มีการปรับปรุงพื้นที่ เพื่อเพิ่มพื้นที่เช่า เช่น การขยายพื้นที่รับรองพิเศษของกลุ่มลูกค้าบัตรเครดิตของสถาบันการเงิน หรือสายการบินที่ต้องการรองรับกลุ่มลูกค้าของตนมาใช้บริการ

ความเสี่ยงของธุรกิจสนามบินในไทย

• ความเสี่ยงจากจำนวนผู้โดยสารอาจลดลงกว่าที่ประเมิน ซึ่งจะมีผลต่อรายได้ที่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Aeronautical Revenue) ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 50% ของรายได้ธุรกิจสนามบิน (ขึ้นอยู่กับขนาดและกิจการของสนามบิน) 

ในปี 2569 การเติบโตของภาคการท่องเที่ยวทั้งคนไทยเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งประเด็นทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและไทย ที่อาจส่งผลกระทบต่อแผนการเดินทางท่องเที่ยว ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศที่ยังต้องติดตาม ที่อาจส่งผลกระทบต่อสายการบินและการเดินทาง นอกจากนี้ การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศสูง ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเที่ยวบินตามความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป 

สำหรับประเด็นเรื่องภาพลักษณ์ความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวนั้น ในช่วงที่ผ่านมา ภาครัฐได้มีการดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัย อาทิ แอปพลิเคชัน Thailand Tourist Police ที่รองรับ 8 ภาษา การจัดทำสถิติเปรียบเทียบอาชญากรรมกับนักท่องเที่ยวทั้งในไทยและต่างประเทศ พร้อมประชาสัมพันธ์พื้นที่ปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ ซึ่งน่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

• ธุรกิจสายการบินแข่งขันสูง อาจกระทบต่อแผนเที่ยวบินของสายการบิน ปัจจุบัน ธุรกิจสายการบินมีการแข่งขันที่สูง ขณะที่ต้นทุนการทำธุรกิจสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการสายการบินจะต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด ซึ่งมีความเสี่ยงที่สายการบินอาจมีการปรับลดเที่ยวบิน การยุติเส้นทางการบิน หรือการย้ายฐานการบิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของสนามบิน นอกจากนี้ ยังต้องติดตามประเด็นแผนการส่งมอบเครื่องบินใหม่ของผู้ผลิตที่ล่าช้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแผนการบินของธุรกิจสายการบินในปี 2569

• ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น ขณะที่รายได้ยังมีความไม่แน่นอน ปัจจุบันสนามบินในไทยหลายแห่งยังต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และความปลอดภัยของสนามบินให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินสากล ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนที่สูง เช่น แผนการขยายอาคารรองรับผู้โดยสารและการขยายรันเวย์ เพื่อลดความแออัดในสนามบินและการให้บริการ การนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัย รวมไปถึงการลงทุนเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือ Green Airport 

• ความต่อเนื่องของแผนการพัฒนาสนามบินในประเทศของภาครัฐ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อธุรกิจสนามบิน ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายของภาครัฐ ทำให้การพัฒนาสนามบินอาจมีความล่าช้า กระทบการวางแผน การลงทุน และการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว 
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ธ.ค. 2568 เวลา : 18:34:51
22-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 27 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำบางเขน 2

2. ตลาดหุ้นปิด (22 ธ.ค.68) บวก 17.49 จุด ดัชนี 1,269.68 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (22 ธ.ค.68) บวก 12.44 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,264.63 จุด

4. MTS Gold คาดราคาทองคำตลาดโลกกำลังเคลื่อนไหวทดสอบระดับสูงสุดเดิม (All Time High) แนวรับที่ 4,340-4,320 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,400-4,420 เหรียญ

5. ทองเปิดตลาดวันนี้ (22 ธ.ค. 68) พุ่งขึ้น 450 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 65,750 บาท

6. พยากรณ์อากาศวันนี้ (22 ธ.ค.68) "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด มีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิ 2 องศา "ยอดภู" 10 องศา

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (22 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 31.40 บาทต่อดอลลาร์

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (22 ธ.ค.68) บวก 9.85 จุด ดัชนี 1,262.04 จุด

9. ตลาดหุ้นปิด (19 ธ.ค.68) บวก 2.12 จุด ดัชนี 1,252.19 จุด

10. ประกาศ กปน.: 24 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพระรามที่ 2

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 ธ.ค.68) บวก 3.58 จุด ดัชนี 1,253.65 จุด

12. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงอยู่ในทิศทาง Sideway Up ในระยะนี้ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,315-4,290 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,350-4,375 เหรียญ

13. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (18 ธ.ค.68) ลบ 9.40 ดอลลาร์ นักลงทุนลดการถือทองคำ หลัง CPI ชะลอตัว

14. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (18 ธ.ค.68) บวก 65.88 จุด เงินเฟ้อต่ำ หนุนเฟดลดดอกเบี้ยมี.ค.ปีหน้า

15. พยากรณ์อากาศวันนี้ (19 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบนอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 1-2 องศา,ภาคใต้ ฝน 30-40%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 22, 2025, 11:23 pm