หุ้นทอง
ธนาคารไทยเครดิต โชว์ผลงาน Q 3 ปี 67 กำไร New High 1,161.9 ล้านบาท เติบโต 41.7%


ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ที่ 1,161.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมีกำไรสุทธิ 820.1 ล้านบาท และเติบโตร้อยละ 17.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของกำไรครั้งนี้มาจากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่ออย่างแข็งแกร่ง ยอดเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 157,604.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.8 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ในส่วนของการควบคุมค่าใช้จ่าย ธนาคารฯ ยังคงรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ให้อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 38.8 ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567

การดำเนินงานของธนาคารฯ ในไตรมาสนี้ยังเน้นความรอบคอบเพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยอัตราส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ในไตรมาส 3 อยู่ที่ร้อยละ 8.7 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2 ขณะที่ในงวด 9 เดือนแรกของปี อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 8.6

ในด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสัดส่วนเงินให้สินเชื่อ stage 2 และ 3 ต่อเงินให้สินเชื่อรวมมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะจากสินเชื่อชั้นที่ 2 ที่ได้รับผลกระทบเพียงครั้งเดียวจากการสิ้นสุดมาตรการผ่อนผันการจัดชั้นสินเชื่อในไตรมาส 1 ปี 2567 ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตาม สินเชื่อในกลุ่มดังกล่าวสามารถกลับสู่สถานะปกติได้หลังจากลูกหนี้ชำระหนี้ต่อเนื่องครบ 3 งวด ประกอบกับผลกระทบจากส่วนสูญเสียจากการขาย NPL ลดลง เนื่องจากการปรับแผนลดการขาย NPL ตามคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังคงรักษาประสิทธิภาพในการควบคุมสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ที่ระดับร้อยละ 4.5 ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถบริหารจัดการได้

กำไรต่อหุ้นของธนาคารฯ ในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 0.94 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 0.67 บาทต่อหุ้น ในไตรมาส 2 และจาก 0.85 บาทต่อหุ้น ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 2,431.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลขาดทุน ECL ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในไตรมาส 1 ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นสำหรับงวด 9 เดือน ยังคงอยู่ที่ 1.99 บาทต่อหุ้น
 

LastUpdate 21/10/2567 14:54:42 โดย : Admin
23-10-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (22 ต.ค.67) พุ่ง 20.90 เหรียญ แห่ซื้อทองกังวลผลเลือกตั้งสหรัฐและสงครามตะวันออกกลาง

2. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (22 ต.ค.67) ลบ 6.71 จุด เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด

3. มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคอีสาน ส่งผลภาคอีสานอุณหภูมิลดลง 1-3 องศา และมีฝน 10% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคตะวันออก ฝน 40% ภาคกลาง-ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 30% ภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝั่ง ตต. 20%

4. ทองเปิดตลาดวันนี้ (23 ต.ค.67) พุ่งขึ้น 250 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 44,100 บาท

5. ตลาดหุ้นปิด (22 ต.ค.67) ลบ 18.42 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,470.32 จุด

6. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (22 ต.ค.67) ลบ 6.24 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,482.50 จุด

7. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำตลาดโลกจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,700 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,745 เหรียญ

8. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (21 ต.ค.67) ร่วง 344.31 จุด เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งทุบตลาด

9. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (21 ต.ค.67) บวก 8.90 ดอลล์ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

10. ตลาดหุ้นไทยเปิด (22 ต.ค.67) ลบ 2.29 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,485.81 จุด

11. ทองเปิดตลาดวันนี้ (22 ต.ค.67) "คงที่" ทองรูปพรรณ ขายออก 43,750 บาท

12. ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ส่งผล "กรุงเทพปริมณฑล" ฝนฟ้าคะนอง 70% ภาคเหนือ-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก 60% ภาคอีสาน-ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 40% ภาคใต้ ฝั่ง ตต. 20%

13. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.35-33.60 บาท/ดอลลาร์

14. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (22 ต.ค.67) อ่อนค่าลง ที่ระดับ 33.52 บาทต่อดอลลาร์

15. ตลาดหุ้นปิด (21 ต.ค.67) ลบ 1.08 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,488.74 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 23, 2024, 2:29 pm