แบงก์-นอนแบงก์
Scoop: แบงก์รัฐ-พาณิชย์ แห่ลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท สูงสุด 0.25% หวังบรรเทาภาระผู้กู้


ตามมติจาก คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 2.25% ต่อปี เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับที่สูง และส่งเสริมการบริโภคภาคเอกชนในประเทศ ล่าสุดทางธนาคารพาณิชย์-ธนาคารของรัฐ ได้ขานรับมาตรการดังกล่าว ด้วยการประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท สูงสุด 0.25% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการชำระหนี้ส่วนบุคคลและผู้ประกอบการ SME ให้ดีขึ้น

 
1.ธนาคารออมสิน

ทางธนาคารออมสิน ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยทุกประเภท มีผลในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป ประกอบด้วย 

• ดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินกู้ที่มีระยะเวลา (MLR) ลดลงเหลือ 6.900% ต่อปี 
 
• ดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลดลงเหลือ 6.745% ต่อปี

• ดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย (MRR) ที่มีการลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะครบกำหนดมาตรการในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 นี้ ก็จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน อยู่ที่อัตรา 6.595% ต่อปี และเป็นอัตราดอกเบี้ย MRR ที่ต่ำสุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ถือเป็นการปรับลดดอกเบี้ย MRR ครั้งที่ 3 ของปีนี้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567เป็นต้นไป
 
• อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก จะยังคงตรึงดอกเบี้ยไว้ในอัตราเดิมให้ได้นานที่สุด เพื่อให้ประชาชนมีรายได้จากอัตราดอกเบี้ย ภายใต้ภารกิจเพื่อสังคมในการมุ่งส่งเสริมการออม ตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล

 
2.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
 
สำหรับทาง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ มีผลในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป ได้แก่ 

• อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา(MLR) ลดลงเหลือ 6.250% ต่อปี
 
• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้เบิกเกินบัญชี (MOR) ลดลงเหลือ 6.400% ต่อปี
 
• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ที่มีการลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะครบกำหนดมาตรการในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 นี้ จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน มาอยู่ที่ 6.545% ต่อปี 

• อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก จะมีการตรึงดอกเบี้ยไว้ในอัตราเดิมให้ได้นานที่สุด เพื่อส่งเสริมการออมภาคประชาชนต่อไป

 
3.ธนาคารพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
 
ธ.ก.ส. ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR และ MOR ลงสูงสุดร้อยละ 0.25  มีผลในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป ตามทิศทางแนวโน้มตลาด เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมีการปรับลดดังนี้

• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) สำหรับลูกค้าทั่วไปลดลง 0.1% เหลือ 6.875% ต่อปี และในกลุ่มเปราะบางและ SME ที่ประสบปัญหาในการผลิต รวมถึงลูกหนี้ NPLs ที่อยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างหนี้ลดลง 0.25% เหลือ 6.725% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 เดือน 
 
• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี ประเภทเงินเกินบัญชี (MOR) ลดลงเหลือ 6.875% ต่อปี 

• อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ยังมีการตรึงไว้ที่ระดับเดิม เพื่อส่งเสริมวินัยการออมเงิน และสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้กับลูกค้าของธนาคาร

 
4.ธนาคารกรุงไทย

ธนาคารกรุงไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% มีผลในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นไปตามกลไกของตลาด สอดคล้องกับบริบทของประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนในระดับที่สูงและเศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่ต่ำ ตามรายละเอียด ดังนี้

• อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลด 0.25% จากปัจจุบัน 7.520% ต่อปี เป็น 7.270% ต่อปี
 
• อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลด 0.125% จากปัจจุบัน 7.050% ต่อปี เป็น 6.925% ต่อปี
 
• อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลด 0.125% จาก 7.30% เป็น 7.18% จากปัจจุบัน 7.570% ต่อปี เป็น 7.445% ต่อปี
 
 
5.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)

EXIM BANK  ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ลง 0.25% ต่อปี เหลือ 6.35% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ EXIM BANK ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ของธนาคารพาณิชย์ นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ เพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาภาระผู้ประกอบการกลุ่มเปราะบาง และ SME ให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ สามารถปรับตัวรับมือปัจจัยท้าทายและแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลกอย่างยั่งยืน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป

6.ธนาคารกสิกรไทย

ธนาคารกสิกรไทย นำร่องธนาคารพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมสูงสุด 0.25% มีผลในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป เพื่อช่วยดูแลและเพิ่มสภาพคล่องโดยการแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการรายเล็กที่รายได้ยังอยู่ระหว่างการฟื้นตัวและภาระหนี้ยังอยู่ในระดับสูง

• อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR)  ปรับลด 0.12% จาก 7.27% เป็น 7.15% ต่อปี

• อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลด 0.25% จาก 7.59% เป็น 7.34% ต่อปี
 
• อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลด 0.12% จาก 7.30% เป็น 7.18% ต่อปี
 
• อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ยังไม่มีการปรับลดแต่อย่างใด 

นอกจากนี้ ธนาคารยังขยายระยะเวลาสำหรับโครงการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เพื่อช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติมให้สามารถปรับตัวในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ยังเติบโตแตกต่างกันในแต่ละภาคส่วนและยังคงมีความเสี่ยงจากหลายปัจจัย 

7.ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป

• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.575% ลดเป็น 7.325% ต่อปี 
 
• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.30% ลดเป็น 7.175% ต่อปี 

• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.05% ลดเป็น 6.925% ต่อปี 

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารได้ออกมาตรการพิเศษในการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคลและ SME รายย่อย ตั้งแต่ 16 พฤษภาคม 2567 ถึง 15 พฤศจิกายน 2567 นั้น ธนาคารได้พิจารณาขยายมาตรการช่วยเหลือดังกล่าวออกไปจนถึง 31 ธันวาคม 2567

8.ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี)

ธนาคารประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท สูงสุด 0.25% ต่อปี ตามมติ กนง. เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับประชาชน ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป มีรายละเอียด ดังนี้

• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลดลง 0.25% ต่อปี 
 
• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ลดลง 0.125% ต่อปี
 
• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลดลง 0.125% ต่อปี

สำหรับลูกค้ารายย่อยและ SME ในกลุ่มเปราะบาง ทีทีบีมีมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มนี้มาก่อนหน้า นอกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ธนาคารยังมีการต่ออายุมาตรการออกไปจนถึง 31 ธันวาคม 2567 เพื่อช่วยพยุงสภาพคล่องและลดภาระหนี้ให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบางให้ได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราที่ประกาศอีก 0.25% ซึ่งทำให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าว มีอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงรวม 0.375-0.50% ต่อปี ทั้งนี้ ธนาคารยังมีแผนที่จะปรับมาตรการเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตามความเหมาะสม เมื่อมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลง

9.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี สนองนโยบายรัฐบาลในการลดภาระทางการเงินของประชาชน โดยได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อช่วยดูแลและเพิ่มสภาพคล่องโดยการแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งอัตราดอกเบี้ยใหม่ดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป มีรายละเอียดดังนี้

• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลดลงจาก 7.280% เป็น 7.155% ต่อปี
 
• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลดลงจาก 7.575% เป็น 7.325% ต่อปี
 
• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลดลงจาก 7.400% เป็น 7.275% ต่อปี

10.ธนาคารกรุงเทพ

ธนาคารได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก โดยอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อปรับลดลงสูงสุด 0.20% ประกอบด้วย

• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลดลง 0.20% เป็น 6.90% ต่อปี
 
• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลดลง 0.20% เป็น 7.35% ต่อปี

• อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลดลง 0.05% เป็น 7.00% ต่อปี

• เงินฝากลูกค้าบุคคลธรรมดา อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสะสมทรัพย์ เป็น 0.25-0.30% ต่อปี เงินฝากประจำ 3 เดือน เป็น 1.00% ต่อปี เงินฝากประจำ 6 เดือน เป็น 1.10% ต่อปี เงินฝากประจำ 12 เดือน เป็น 1.45% ต่อปี เงินฝากประจำ 24 เดือน เป็น 1.70% ต่อปี และเงินฝากประจำ 36 เดือน เป็น 1.75% ต่อปี ส่วนเงินฝากสะสมทรัพย์ e-Saving วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท 1.50% ต่อปี และวงเงินส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท 0.45% ต่อปี

ซึ่งก่อนหน้านี้ ธนาคารกรุงเทพก็ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ไปแล้ว 0.25% ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาภาระหนี้และต้นทุนทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ

การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของทั้งธนาคารรัฐ และธนาคารพาณิชย์ครั้งนี้ นับเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้และผู้ประกอบการรายเล็ก ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตในอัตราที่ต่ำ ให้สามารถผ่อนหนี้ได้ไวขึ้นและจ่ายดอกเบี้ยที่น้อยลง ส่งผลให้เกิดสภาพคล่องที่ขยายตัว การบริโภคในประเทศดีขึ้น อันเป็นการดึงดูดการลงทุน และช่วยพยุงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
 

LastUpdate 25/10/2567 17:07:21 โดย : Admin
26-10-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. พรุ่งนี้ (26 ต.ค. 67) น้ำมันขึ้นราคา เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ขึ้น 30 สต./ลิตร

2. ตลาดหุ้นปิด (25 ต.ค.67) บวก 2.78 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,463.42 จุด

3. ประกาศ กปน.: 28 ต.ค. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนสุทธิสารวินิจฉัย

4. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 ต.ค.67) บวก 3.01 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,463.65 จุด

5. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,715 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,750 เหรียญ

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 ต.ค.67) ลบ 140.59 จุด เหตุหุ้น Boeing-IBM ร่วง ฉุดตลาด

7. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 ต.ค.67) บวก 19.50 เหรียญ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยจากตะวันออกกลางตึงเครียด

8. ลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางพื้นที่ 60% ส่วนกรุงเทพปริมณฑลและภาคอื่นๆ ฝน 10%

9. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.55-33.80 บาท/ดอลลาร์

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (25 ต.ค.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง ที่ระดับ 33.67 บาทต่อดอลลาร์

11. ทองเปิดตลาดวันนี้ (25 ต.ค. 67) ลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 44,100 บาท

12. ตลาดหุ้นไทยเปิด (25 ต.ค.67) บวก 6.38 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,467.02 จุด

13. ตลาดหุ้นปิด (24 ต.ค.67) ลบ 9.68 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,460.64 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (24 ต.ค.67) ลบ 2.81 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,467.51 จุด

15. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับระยะสั้นที่ระดับ 2,700 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,735 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 26, 2024, 9:29 pm