เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ "สหรัฐฯ คาดนำเข้ายางรถยนต์ไทยเพิ่ม 3% ในปี 68 แม้ยางขนาดใหญ่ที่เจอภาษี AD สูงจะหดตัว"


การนำเข้ายางรถยนต์ไทยจากสหรัฐฯ คาดยังมีโอกาสโตต่อที่ 3% (YoY) นำโดยยางรถยนต์ขนาดเล็กสำหรับรถยนต์นั่ง รถปิกอัพ และรถบรรทุกเล็ก ที่ขยายตัว 11.8% (YoY) แม้เจอภาษีหลายตัว แต่อัตราภาษีไม่ต่างจากคู่แข่งมาก ทำให้ยังแข่งขันได้ดี
 
• ตรงข้ามกับยางรถยนต์ขนาดใหญ่สำหรับรถบัสและรถบรรทุกใหญ่ที่หดตัวถึง 24% (YoY) จากปัญหาหลักคือ ภาษี AD ที่ถูกเก็บในอัตราสูง ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาโดยตรง ทำให้ไทยถูกคู่แข่งแย่งส่วนแบ่งการตลาดไป  
 
ภาพรวมส่งออกยางรถยนต์ไทยไปสหรัฐฯยังโต แม้สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า 

ตั้งแต่ปี 2559 สหรัฐฯ นำเข้ายางรถยนต์จากไทยเป็นอันดับ 1 มาโดยตลอด แม้กระทั่งหลังมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์จากทั่วโลกภายใต้มาตรา 232 ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2568 ก็ยังพบสหรัฐฯ นำเข้ายางรถยนต์จากไทยเพิ่มต่อเนื่อง (รูปที่ 1) ส่งผลให้ไทยยังคงเป็นผู้นำตลาดนำเข้ายางรถยนต์ของสหรัฐฯ ด้วยส่วนแบ่ง 26% ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 โดยสหรัฐฯ เน้นนำเข้ายางรถยนต์นั่ง รถปิกอัพ และรถบรรทุกขนาดเล็กจากไทย (รูปที่ 2) 

 
 
ทั้งนี้ แม้ภาพรวมการส่งออกยางรถยนต์ไทยไปสหรัฐฯ จะขยายตัว แต่มีเพียงยางรถยนต์ขนาดเล็กสำหรับรถยนต์นั่ง รถปิกอัพ และรถบรรทุกเล็ก เท่านั้น ที่สหรัฐฯ ยังนำเข้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ยางรถยนต์ขนาดใหญ่สำหรับรถบัสและรถบรรทุกใหญ่กลับนำเข้าลดลง (รูปที่ 3) โดยสาเหตุหลัก คือ ความสามารถในการแข่งขันที่ลดลงหลังโดนเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงกว่าคู่แข่ง

 

AD อัตราภาษีนำเข้าสำคัญ ที่กดดันยางรถใหญ่ไทยไปสหรัฐฯ ให้ลดลง 

ปัจจุบันการส่งออกยางรถยนต์ไทยถูกเก็บภาษีนำเข้าหลายทางจากสหรัฐฯ ซึ่งมีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคา โดยเฉพาะกับยางรถยนต์ขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ถูกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping : AD) ในอัตราสูงถึง 30.36% ขณะที่คู่แข่งไม่ถูกเก็บ ส่วนยางรถยนต์ขนาดเล็ก แม้โดนเก็บภาษี AD เช่นกัน แต่อยู่ในอัตราที่ต่ำที่ 3.16% และมีคู่แข่งที่ถูกเก็บในอัตราสูงกว่า จึงกระทบกับความสามารถในการแข่งขันน้อย (รูปที่ 4) 

 

อัตราภาษีนำเข้าที่แตกต่างกันนี้ แสดงผลมาที่ช่วงห่างระหว่างราคานำเข้ายางรถยนต์เฉลี่ยจากไทยกับประเทศคู่แข่งต่างๆ ซึ่งพบว่ามีผลต่อส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงโดยตรง (รูปที่ 5) 
 
• ยางรถยนต์ขนาดเล็กจากไทย มีราคานำเข้าเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มคู่แข่งราคาต่ำไม่ถึง 10 ดอลลาร์ฯ จึงส่งผลให้ส่วนแบ่งของไทยล่าสุดยังคงเพิ่มขึ้นในตลาดนำเข้าของสหรัฐฯ โดยปัจจัยที่ทำให้ยางรถยนต์จากไทยยังไปได้ดีคาดว่าเป็นเพราะคุณภาพสินค้าที่เหนือกว่า ดังจะเห็นได้จากสัดส่วนการนำเข้ายางรถยนต์ขนาดเล็กจากเวียดนามและกัมพูชาของสหรัฐฯ แม้ราคาจะต่ำกว่าแต่ก็ยังห่างจากไทยอยู่มาก 
 
• ยางรถยนต์ขนาดใหญ่จากไทย เทียบกับกลุ่มคู่แข่งราคาต่ำแล้ว มีราคานำเข้าเฉลี่ยสูงกว่ามากถึง 46 ดอลลาร์ฯ จึงส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของไทยลดลงถึง 8% ในตลาดนำเข้าของสหรัฐฯ ตรงข้ามกับประเทศคู่แข่งอื่นที่ต่างมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่แม้ราคานำเข้าเฉลี่ยสูงกว่า แต่คาดว่าได้อานิสงส์จากค่ายยางรถยนต์ญี่ปุ่นที่ผลิตในไทยโดนภาษี AD สูงถึง 48.39% จึงส่งออกจากญี่ปุ่นแทนไทยมากขึ้น 

 
 
สหรัฐฯ นำเข้ายางรถยนต์ไทยเพิ่มต่อ 3% แต่มีหลายประเด็นต้องคำนึง 

แม้การนำเข้ายางรถยนต์ขนาดใหญ่จากไทยของสหรัฐฯจะหดตัว แต่ในปี 2568 สหรัฐฯ มีโอกาสนำเข้ายางรถยนต์โดยรวมจากไทยเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 60 ล้านเส้น จากปัจจัยบวกหลัก คือ กลุ่มยางรถยนต์ขนาดเล็กที่ยังทำต้นทุนและคุณภาพได้ดีทำให้สามารถแข่งขันได้กับคู่แข่ง อย่างไรก็ดี ยังมีหลายประเด็นที่อาจมีผลต่อการนำเข้ายางรถยนต์จากไทยของสหรัฐฯ ในอนาคตได้ ดังนี้
 
• การส่งออกยางรถยนต์ขนาดใหญ่จากญี่ปุ่นแทนไทยไปสหรัฐฯของค่ายยางรถยนต์ญี่ปุ่นอาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากล่าสุดหลังการเจรจากับสหรัฐฯ ทำให้ตั้งแต่ 7 สิงหาคม ญี่ปุ่นถูกเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์ขนาดใหญ่เพียงรายการเดียว คือ ภาษี Reciprocal 15% ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่งอย่างไทยมาก ดังนั้นหากค่ายยางรถยนต์ญี่ปุ่นที่โดนภาษี AD สูงไม่สามารถปรับตัวเพื่อลดภาษีลงได้ อาจทำให้การส่งออกยางรถยนต์ขนาดใหญ่จากญี่ปุ่นแทนไทยดำเนินต่อ
 
• สหรัฐฯ อาจพิจารณาเก็บภาษี AD กับยางรถยนต์ขนาดเล็กและใหญ่จากกัมพูชาในอนาคต เนื่องจากยางรถยนต์ส่งออกจากกัมพูชาส่วนใหญ่ เป็นยางที่ผลิตจากผู้ผลิตจีนที่หลบเลี่ยงภาษี AD จากไทย ดังจะเห็นได้จากการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของการส่งออกยางรถยนต์จากกัมพูชาไปสหรัฐฯ ในช่วงระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา หลังไทยถูกสหรัฐฯ พิจารณาเรื่องภาษี AD ซึ่งหากกัมพูชาโดนเก็บภาษี AD ราคานำเข้าจากกัมพูชาจะสูงขึ้น และแข่งขันกับไทยได้ยากขึ้นเมื่อเทียบทั้งด้านราคาและคุณภาพ
 
• สหรัฐฯ มีโอกาสพิจารณาปรับลดภาษี AD กับไทยลงอีก ดังเช่นภาษี AD ที่ไทยโดนเก็บจากยางรถยนต์ขนาดเล็กเคยสูงเฉลี่ยถึง 17.84% ในช่วงแรก แต่ปัจจุบันลดลงเหลือเฉลี่ยเพียง 3.16% ซึ่งหากผู้ผลิตยางรถยนต์ขนาดใหญ่ในไทยที่ปัจจุบันโดนภาษี AD เฉลี่ยสูงถึง 30.36% สามารถปรับลดต้นทุนในการผลิตลงได้ อาจทำให้สหรัฐฯ พิจารณาปรับลดภาษี AD ลงตาม
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 ก.ย. 2568 เวลา : 17:40:12
18-09-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 3,640 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ 3,680 เหรียญ

2. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.75-31.90 บาท/ดอลลาร์

3. พยากรณ์อากาศวันนี้ (18 ก.ย.68) "กรุงเทพปริมณฑล" ฝนตกหนัก 80% ภาคอีสาน-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก 70% ภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝั่ง ตต. 60% ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 40%

4. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (18 ก.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์

5. ทองเปิดตลาดวันนี้ (18 ก.ย. 68) ลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 55,850 บาท

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (17 ก.ย.68) พุ่ง 260.42 จุด เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด

7. ตลาดหุ้นไทยเปิด (18 ก.ย.68) บวก 4.31 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,311.00 จุด

8. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (17 ก.ย.68) ร่วง 7.30 ดอลลาร์ ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด

9. ตลาดหุ้นไทยปิด (17 ก.ย.2568) ลบ 1.50 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,306.69 จุด

10. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 ก.ย.68) บวก 1.97 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,310.16 จุด

11. MTS Gold คาดราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 3,660-3,640 เหรียญ และแนวต้าน 3,700-3,720 เหรียญ

12. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (16 ก.ย.68) บวก 6.1 ดอลลาร์ รับคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย

13. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (16 ก.ย.68) ร่วง 125.55 จุด นักลงทุนระวังการซื้อขายก่อนรู้ผลประชุมเฟดวันนี้

14. พยากรณ์อากาศวันนี้ (17 ก.ย.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคอีสาน-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้ ฝั่ง ตต." ฝนตกหนัก 70% ภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 40%

15. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (17 ก.ย.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 31.67 บาทต่อดอลลาร์

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ September 18, 2025, 12:20 pm