เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
กนง. คงดอกเบี้ยตามคาด SCB EIC ประเมิน กนง. จะลดดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในเดือน ธ.ค. สู่ระดับ 1.25%


 
กนง. มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 5:2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ขณะที่กรรมการเสียงข้างน้อย เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 1.25% 
 
• กนง. เสียงข้างมากมองว่านโยบายการเงินในปัจจุบันอยู่ในระดับผ่อนคลาย โดยให้ความสำคัญกับจังหวะเวลา และประสิทธิผลของนโยบายการเงิน ภายใต้ Policy space ที่มีจำกัด 
 
• กนง. เสียงข้างน้อยมองว่านโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายได้เพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และบรรเทาปัญหาสภาพคล่องและภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง

เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงในครึ่งหลังของปี ภาคการส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์
 
• เศรษฐกิจในไตรมาส 3 มีแนวโน้มชะลอลงจากภาคการส่งออกสินค้าที่เริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอลงจากปัจจัยชั่วคราว โดย กนง. ประเมินว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ไม่ถึง 2%YOY 
 
• กนง. ปรับประมาณการมูลค่าส่งออกสินค้าในปีนี้เพิ่มขึ้นมากเป็น 10%YOY (จาก 4.0%YOY ในการประชุมเดือนมิถุนายน) ตามข้อมูลจริง แต่ผลบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวมมีไม่มากนัก เนื่องจากได้ปรับแนวโน้มมูลค่าการนำเข้าสินค้าขยายตัวสูงขึ้นมากเช่นเดียวกันเป็น 10.2%YOY (จาก 5.3%YOY ในการประชุมเดือนมิถุนายน)
 
• กนง. มองว่าภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา จึงปรับลดประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2025 ลงจาก 35 ล้านคนในรอบประชุมเดือนมิถุนายน เหลือ 33 ล้านคน (รูปที่ 1) และปรับลดประมาณการอุปสงค์ในประเทศปี 2025 ลงจาก 2.1%YOY เหลือ 1.7%YOY อย่างไรก็ดี กนง. ประเมินว่า เครื่องยนต์ทั้งสองนี้จะทยอยปรับดีขึ้นได้ในระยะข้างหน้า ซึ่ง กนง. ได้คำนึงถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ที่จะดำเนินการในไตรมาส 4 ไว้ในประมาณการเศรษฐกิจครั้งนี้แล้ว
 
• ภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจไทยไม่ได้แตกต่างจากการประเมินในการประชุมครั้งก่อนมากนัก โดย กนง. ปรับประมาณการอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลงเล็กน้อยจาก 2.3%YOY และ 1.7%YOY ในการประชุมเดือนมิถุนายนเป็น 2.2%YOY และ 1.6%YOY ในปี 2025 และ 2026 ตามลำดับ 

รูปที่ 1 : แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2025 – 2026 ของ ธปท. (ณ ต.ค. 2025)
 
 
กนง. ปรับลดประมาณการเงินเฟ้อปีนี้เหลือ 0% และมองว่าเงินเฟ้อจะยังไม่เข้ากรอบเป้าหมายในปีหน้า โดยจะติดตามความเสี่ยงภาวะเงินฝืดใกล้ชิดขึ้น
 
• กนง. ปรับลดประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลงอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2025 และ 2026 โดยมองว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะต่ำลงเหลือ 0.0% และ 0.5% ตามลำดับ ลดลงจากมุมมองในการประชุมเดือนมิถุนายนที่ 0.5% และ 0.8% ตามลำดับ ตามปัจจัยด้านอุปทานจากราคาพลังงานและราคาอาหารสดที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา (รูปที่ 2) 
 
• กนง. มองว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะยังไม่เข้าสู่กรอบเป้าหมายในปีหน้า โดยประเมินว่าจะกลับเข้าสู่ขอบล่างของกรอบเป้าหมายที่ 1% ในช่วงต้นปี 2027 ตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ประเมินว่าจะกลับมาทรงตัวได้หลังจากปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
 
• กนง. ยืนยันว่าไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด แต่จะเริ่มติดตามความเสี่ยงนี้มากขึ้น สาเหตุที่ กนง. มองว่าไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืดเพราะ (1) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังไม่ได้ลดลงอย่างรุนแรง และรวดเร็ว โดยประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ 0.9% ทั้งปี 2025 และ 2026 (2) ราคาสินค้าส่วนใหญ่ยังไม่ได้ปรับลดลง และ (3) อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะยาวยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย 
 
รูปที่ 2 : อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่อง 6 เดือน
 
 
 
ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวใกล้เคียงเดิม แต่ภาวะการเงิน SMEs น่ากังวลต่อเนื่อง
 
• ภาวะการเงินไทยโดยรวมตึงตัวใกล้เคียงเดิม สินเชื่อหดตัวเล็กน้อยใกล้เคียงกับการประชุมครั้งก่อน ส่วนหนึ่งจากความต้องการสินเชื่อที่ชะลอลง และการชำระคืนสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่คุณภาพสินเชื่อไม่ได้ปรับด้อยลงจากเดิมมากนัก
 
• SMEs ยังคงเผชิญภาวะการเงินตึงตัว สะท้อนจากเครื่องชี้ทั้งในและต่างประเทศ ในประเทศ สินเชื่อ SMEs หดตัว คุณภาพสินเชื่อ SMEs ปรับแย่ลง สะท้อนจากสัดส่วน NPL ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ต่างประเทศ SMEs ที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า ผ่านรายรับในรูปเงินบาทที่ลดลง โดยผู้ส่งออก SMEs ได้รับผลกระทบสูง เห็นได้จาก (1) กว่า 80% ของผู้ส่งออก SMEs ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน และ (2) ผู้ส่งออก SMEs มีอัตรากำไรที่ค่อนข้างต่ำอยู่ก่อนแล้ว
 
• กนง. มองว่านโยบายการเงินจำเป็นต้อง “ผ่อนคลาย” แต่ต้องให้ความสำคัญกับ จังหวะเวลาและประสิทธิผลของการส่งผ่านนโยบายการเงินภายใต้ Policy space ที่มีจำกัด และความไม่แน่นอนในอนาคต 

IMPLICATIONS
 
SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ เนื่องจาก
 
• ภาวะสินเชื่อยังหดตัวต่อเนื่องในวงกว้าง (รูปที่ 3) สะท้อนภาพความต้องการสินเชื่อที่ลดลง อาจนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจได้อีกในอนาคต โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ สะท้อนความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับต่ำ โดยธุรกิจเหล่านี้บางส่วนเข้าถึงสินเชื่อได้ แต่เลือกที่จะลดความเสี่ยงทางการเงินในบัญชีงบดุล ผ่านการกู้ยืมลดลง หรือคืนเงินกู้ อาจเป็นสัญญาณของการลงทุนภาคเอกชนที่จะลดลงในอนาคต นโยบายการเงินอาจต้องเข้ามามีบทบาทช่วยประคับประคองเศรษฐกิจมากขึ้น 
 
รูปที่ 3 : สินเชื่อหดตัวต่อเนื่องทุกขนาดธุรกิจ แม้ในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่

 
 
อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริง (Real rate) อยู่ในระดับสูงเทียบกับในอดีต หากนำคาดการณ์เงินเฟ้อ 1 ปีข้างหน้ามาใช้คำนวณที่ประมาณ 0.7% (ไม่ใช่อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะยาว 5 – 10 ปีที่ราว 1.5 – 1.6%) อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงของไทยจะมีค่าบวกอยู่ที่ระดับประมาณ 0.8% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในอดีตมักอยู่ใกล้เคียง 0% เท่านั้น (รูปที่ 4) สะท้อนว่าระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอาจยังอยู่ในระดับสูง เทียบกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีหน้าที่จะขยายตัวต่ำกว่าในอดีตอย่างมากที่เพียง 1.5%YOY (ประมาณการ SCB EIC) หรือประมาณการของ ธปท. ล่าสุดที่ 1.6%YOY 
 
• อัตราเงินเฟ้อไทยที่อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องนาน และมีแนวโน้มจะเป็นเช่นนี้ไปอีกระยะหนึ่ง อาจทำให้ครัวเรือนเผชิญกับภาวะ “Debt deflation” สร้างความเปราะบางให้อุปสงค์ในประเทศต่อเนื่อง
 
ภาระหนี้ครัวเรือนไทยยังคงสูงอยู่ โดยในช่วงที่เห็นกระบวนการลดหนี้ครัวเรือน (Debt deleveraging) ตั้งแต่ต้นปี 2024 มานี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยเพียง 0.2% (รูปที่ 5) ต่ำกว่ารอบกระบวนการลดหนี้ครัวเรือนครั้งก่อน ๆ โดยอัตราเงินเฟ้อต่ำไม่ได้ช่วยในกระบวนการลดหนี้ครัวเรือนมากนัก เนื่องจากมูลค่าของเงินยังคงเดิม มูลค่าหนี้ที่แท้จริงจึงไม่ได้ปรับลดลงไป 
 
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่มีแนวโน้มต่ำต่อเนื่องนาน อาจทำให้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืด (Deflation) ในที่สุด ผ่านภาระหนี้ครัวเรือนที่ลดลงช้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไม่ได้อยู่ในระดับเหมาะสมที่จะช่วยลดภาระหนี้ครัวเรือนในรูปมูลค่าที่แท้จริงได้
 
สำหรับมุมมองนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า SCB EIC ยังคงประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.25% ในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ และปรับลดอีกครั้งในช่วงต้นปี 2026 ลงมาอยู่ที่ 1.0% โดยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะยังชะลอลงอย่างต่อเนื่องจนถึงครึ่งแรกของปี 2026 เนื่องจากความเปราะบางของภาคธุรกิจและครัวเรือนจะยังส่งผลกดดันอุปสงค์ในประเทศอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ภาวะการเงินไทยยังนับว่ายังตึงตัวสูง ไม่สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ต่ำกว่าระดับศักยภาพมาก SCB EIC จึงประเมินว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ และอีก 1 ครั้งในช่วงต้นปีหน้า เพื่อให้นโยบายการเงินช่วยลดความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าได้ 

รูปที่ 4 : อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงของไทยยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตใกล้ 0%
 

 
รูปที่ 5 : วัฏจักรการลดหนี้ครัวเรือนรอบนี้เกิดขึ้น ท่ามกลางเงินเฟ้อไทยต่ำนาน
 
 
 
บทวิเคราะห์โดย... https://www.scbeic.com/th/detail/product/policy-rate-081025

ผู้เขียนบทวิเคราะห์
 
 
นนท์ พฤกษ์ศิริ (nond.prueksiri@scb.co.th) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ต.ค. 2568 เวลา : 12:21:12
10-10-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (9 ต.ค.68) ร่วง 97.9 ดอลลาร์ นักลงทุนเทขายหลังอิสราเอล-ฮามาสตกลงหยุดยิง

2. พยากรณ์อากาศวันนี้ (10 ต.ค.68) ฝนตกหนักในภาคใต้ ฝั่ง ตต. 70% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 60% ภาคเหนือ 30% ภาคอีสาน 20%

3. ทองเปิดตลาดวันนี้ (10 ต.ค. 68) ร่วงแรง 600 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 62,500 บาท

4. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (9 ต.ค.68) ร่วง 243.36 จุด นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3

5. ตลาดหุ้นไทยเปิด (10 ต.ค.68) ร่วงแรง 20.96 จุด ดัชนี 1,293.03 จุด

6. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.65-32.90 บาท/ดอลลาร์

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (10 ต.ค.68) อ่อนค่าลงหนัก ที่ระดับ 32.79 บาทต่อดอลลาร์

8. ประกาศ กปน.: 15 ต.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนวงศ์สว่าง และถนนรัชดาภิเษก

9. ประกาศ กปน.: 15 ต.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพุทธมณฑลสาย 1

10. ตลาดหุ้นปิด (9 ต.ค.2568) บวก 9.07 จุด ดัชนี 1,313.99 จุด

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (9 ต.ค.68) บวก 7.32 จุด ดัชนี 1,312.24 จุด

12. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 4,000 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 4,045 เหรียญ

13. พยากรณ์อากาศวันนี้ (9 ต.ค.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก" ฝนตกหนัก 70% ภาคใต้ 60% ภาคเหนือ-ภาคอีสาน 30%

14. ทองเปิดตลาดวันนี้ (9 ต.ค. 68) ร่วงลง 350 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 62,800 บาท

15. ตลาดหุ้นไทยเปิด (9 ต.ค.68) บวก 6.48 จุด ดัชนี 1,311.40 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 10, 2025, 11:50 am