เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ "เงินบาทอ่อนค่า ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยร่วงหลุดแนว 1,300 จุด"


สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
 
• เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน ก่อนอ่อนค่าลงช่วงปลายสัปดาห์  
 
เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ตามทิศทางเงินเยนที่อ่อนค่าลงจากการคาดการณ์ว่า BOJ อาจยังไม่คุมเข้มนโยบายการเงินในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากภาวะชัตดาวน์หน่วยงานราชการสหรัฐฯ ที่สิ้นสุดลง หลังคองเกรสสามารถตกลงร่วมกันในเรื่องกฎหมายงบประมาณชั่วคราว และปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายแล้ว 
 
อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแข็งค่าในระหว่างสัปดาห์ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะกลับมาประกาศหลังชัตดาวน์ อาจออกมาอ่อนแอ แต่กรอบการแข็งค่าของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัด และเงินบาทกลับไปอ่อนค่าลงอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ท่ามกลางแรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านยังคงส่งสัญญาณกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้จังหวะการลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ยังมีความไม่แน่นอน 
 
 
• ในวันศุกร์ที่ 14 พ.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.41 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7 พ.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 10-14 พ.ย. 2568 นั้น แม้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 6,589 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 2,612 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 3,652 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 1,040 ล้านบาท)
 
• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 17-21 พ.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.10-32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 และการส่งออกเดือนต.ค. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก 
 
ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม ประกอบด้วย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนพ.ย. ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 28-29 ต.ค. และอาจจะมีเครื่องชี้เศรษฐกิจอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ที่กลับมาประกาศหลังภาวะชัตดาวน์ของสหรัฐฯ สิ้นสุดลง นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของญี่ปุ่น การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น และข้อมูล PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ 

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
 
• ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงหลุดแนว 1,300 จุด ท่ามกลางแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ 
 
SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบช่วงแรก ก่อนจะร่วงลงหลุดแนว 1,300 จุดในช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายหลัก ๆ จากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ นำโดย แรงขายทำกำไรหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง และหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังบริษัทค้าปลีกรายใหญ่แห่งหนึ่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ซึ่งค่อนข้างอ่อนแอ   
 
 
 
ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นช่วงสั้น ๆ ในเวลาต่อมา ขานรับข่าวสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ (ที่ทำสถิติรอบนี้ยาวนานสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ) สิ้นสุดลง แต่กรอบการปรับขึ้นค่อนข้างจำกัดเนื่องจากยังคงเผชิญแรงขายต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มค้าปลีก ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณไม่เร่งลดดอกเบี้ย ซึ่งทำให้การประชุมรอบถัดไปของเฟดยังคงมีความไม่แน่นอน นอกจากนี้ แรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน 
 
• ในวันศุกร์ที่ 14 พ.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,269.26 จุด ลดลง 2.58% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 33,463.35 ล้านบาท ลดลง 7.62% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.51% มาปิดที่ระดับ 219.50 จุด
 
• สัปดาห์ถัดไป (17-21 พ.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,230 และ 1,200 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,285 และ 1,300 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนพ.ย. (เบื้องต้น) บันทึกการประชุมเฟด ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของญี่ปุ่น ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนพ.ย. ของจีน ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนพ.ย. (เบื้องต้น) ของอังกฤษ ยูโรโซนและญี่ปุ่น
 
  
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 พ.ย. 2568 เวลา : 21:42:45
16-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (14 พ.ย.68) ลบ 18.18 จุด ดัชนี 1,269.26 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (14 พ.ย.68) ลบ 20.07 จุด ดัชนี 1,267.37 จุด

3. พยากรณ์อากาศวันนี้ (14 พ.ย.68) ภาคเหนือ-ภาคอีสาน อุณหภูมิลดลง 1-2 องศา "ยอดดอย - ยอดภู" อากาศหนาวเย็น 9-10 องศา "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้" ฝนฟ้าคะนอง 40%

4. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (13 พ.ย.68) ร่วง 797.60 จุด นักลงทุนลดความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ยเดือนธ.ค.

5. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (13 พ.ย.68) ลบ 19.1 ดอลลาร์ วิตกเฟดเมินลดดอกเบี้ย

6. MTS Gold คาดราคาทองคำทิศทางโดยรวมยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น "Sideway Up" แนวรับที่ 63,800 บาท และแนวต้านที่ 64,700 บาท

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (14 พ.ย.68) ร่วงลง 600 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,950 บาท

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (14 พ.ย.68) ลบ 7.35 จุด ดัชนี 1,280.09 จุด

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (14 พ.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.37 บาทต่อดอลลาร์

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.25 - 32.50 บาท / ดอลลาร์

11. ตลาดหุ้นปิด (13 พ.ย.68) บวก 2.63 จุด ดัชนี 1,287.44 จุด

12. พยากรณ์อากาศวันนี้ (13 พ.ย.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้" ฝนฟ้าคะนอง 40% ภาคเหนือ 30% ภาคอีสาน 10% และอุณหภูมิลดลง 1-3 องศา

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (13 พ.ย.68) บวก 3.14 จุด ดัชนี 1,287.95 จุด

14. MTS Gold คาดราคาทองคำ จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,180-4,150 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,230-4,250 เหรียญ

15. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (12 พ.ย.68) พุ่งทำนิวไฮ บวก 326.86 จุด รับความหวังชัตดาวน์ใกล้สิ้นสุดลง

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 16, 2025, 4:56 am