กองทุนรวม
MFC แนะ 3 กองทุนแกร่ง "MGF-MGPROP-MINDIA" กองทุนหลักได้รับ Morningstar 5 ดาว สร้างผลตอบแทนฝ่าความผันผวนในตลาดโลก


บลจ.เอ็มเอฟซี ชี้เป้า 3 กองทุนแกร่ง “MGF – MGPROP – MINDIA” กองทุนหลักได้รับ 5 ดาวจาก Morningstar ฝ่าตลาดผันผวนก่อนเลือกตั้งสหรัฐฯ กระจายลงทุนกองทุนหุ้นโลก เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนกับ Global REITs รับเทรนด์ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ขาลง พร้อมกองทุนหุ้นอินเดีย เศรษฐกิจเติบโตแรงสวนเศรษฐกิจโลก 
 
 
 
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในไตรมาส 4/2567  ตลาดทั่วโลกอาจมีความผันผวนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ  MFC จึงแนะนำ 3 กองทุนที่น่าสนใจและกองทุนหลักได้รับ  5 ดาว จาก Morningstar ที่จะช่วยให้นักลงทุนนำมาจัดพอร์ต เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนและฝ่าความผันผวนของตลาด ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล โฟกัส (MGF), กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ อิควิตี้ ฟันด์ (MGPROP) และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเดีย ซีเล็ค อิควิตี้ (MINDIA)
 
สำหรับ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล โฟกัส (MGF) ลงทุนในกองทุนหลักที่มีนโยบายลงทุนกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก เป็น Global Equity ระดับความเสี่ยง 6 เหมาะกับการใช้เป็น Core Port เพราะมีขอบเขตการลงทุนที่กว้าง มีความยืดหยุ่นเลือกลงทุนได้หลายตลาด ผลการดำเนินงานย้อนหลังโดดเด่นกองทุนหลักได้รับ Morning Star 5 ดาว โดยตั้งแต่ปี 2014 – 2023 กองทุนหลัก ให้ผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนีชี้วัด MSCI ACWI ถึง 8 ปี จากทั้งหมด 10 ปี นอกจากนี้กองทุนหลักยังได้รับ Morningstar Sustainability Rating ซึ่งเป็นเรื่องของ ESG ระดับ 5 ลูกโลก
 
MFC มองช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. นี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯมีโอกาสปรับฐาน จึงเป็นจังหวะลงทุนจากสถิติการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ย้อนหลังตั้งแต่ปี ค.ศ.1984 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักจะผันผวนและปรับตัวลงก่อนการเลือกตั้ง 1 เดือน ในช่วงเดือน ต.ค. (เฉลี่ย -1.73%) แต่จะปรับตัวขึ้นอีกครั้งในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. หลังรู้ผลการเลือกตั้ง (เฉลี่ย พ.ย. +0.98% และ ธ.ค. +1.32%) 
 
“จุดเด่นของกองทุน MGF ลงทุนในกองทุนหลักที่เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลกเติบโตคุณภาพดี (Quality Growth Stock) ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าตลาด มีความได้เปรียบในการแข่งขันเนื่องจากหุ้นประเภทนี้มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง มีกำไรและรายได้เติบโตสม่ำเสมอ จึงแนะนำลงทุนเป็นพอร์ตหลักและยังเลือกลงทุนผ่านกองทุนลดหย่อนภาษีได้ทั้งกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)”นายธนโชติ กล่าว
 
ด้าน กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ อิควิตี้ ฟันด์ (MGPROP) ลงทุนในกองทุนหลักที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกกระจายการลงทุนในหลากหลายธุรกิจแบบ Valuation-Focus โดยเน้นลงทุนในหุ้นที่มีราคาเหมาะสม เพื่อสร้างโอกาสผลตอบแทนที่ดี รวมถึงหุ้นธุรกิจ Data Centers ที่เติบโตสูงในระยะยาวและเกาะกระแส AI และหุ้นธุรกิจที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ 
สำหรับความเคลื่อนไหวของราคา Global REITs ดัชนี FTSE NAREIT All Equity REITs Index ได้ปรับตัวลงมาจากต้นเดือน ต.ค. จากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Bond Yield) และตลาดปรับตัวขึ้นมามากก่อนหน้าจึงคาดการณ์ Global REITs อาจพักฐานระยะสั้น ซึ่งคาดว่าการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จำกัดโดยมีแนวต้านที่ 4.1% จากปัจจุบันที่ 4.0% และระยะยาวคาดว่าจะปรับตัวลง ทั้งนี้ ตามสถิติในอดีตบ่งชี้ว่า Global REITs มักทำผลตอบแทนได้โดดเด่นในปีที่ Bond Yield ปรับตัวลง ซึ่งผลตอบแทนราคาดัชนี FTSE Nareit All Equity REITs Index 3 เดือน +8.47% และ 1 ปี +28.26% (ข้อมูล ณ 16 ต.ค. 67)
 
สำหรับมุมมองการลงทุน Global REITs ให้น้ำหนักการลงทุนระยะสั้นและยาว Overweight เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์วัฏจักรดอกเบี้ยสหรัฐฯ ขาลง  ซึ่งคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับลดดอกเบี้ยต่อ อีก 0.5% ในช่วงไตรมาส 4/2567 และปรับลดต่อ 1% ปีหน้า ส่งผลดีต่อต้นทุนการเงินที่ลดลงของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จากมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวแบบ Soft Landing และตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง นอกจากนี้นักวิเคราะห์มีโอกาสปรับประมาณการณ์กำไรกลุ่ม REITs และ Net Asset Value เพิ่มขึ้น ซึ่ง US REITs คาด Earning growth (Y+1) เติบโตเฉลี่ย 6% ในปี 2568
ส่วนกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเดีย ซีเล็ค อิควิตี้ (MINDIA) ลงทุนในกองทุนหลักที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก Jupiter India Select Fund โดยกองทุนหลักได้รับ Morningstar 5 ดาว เน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ที่มีโอกาสเติบโตสูงในราคาที่สมเหตุสมผลจากแนวโน้มเศรษฐกิจอินเดียยังเติบโตในระดับสูง 6-7% ต่อปี สวนทางเศรษฐกิจโลกจึงมองตลาดหุ้นอินเดียเป็นโอกาสเข้าลงทุนสำหรับการลงทุนระยะยาว เหมาะสำหรับใช้จัดพอร์ตการลงทุน 
 
“ตลาดหุ้นอินเดีย มีการเติบโตเชิงโครงสร้าง (Structural Growth) ที่มีความมั่นคงในระยะยาว โดยธีมที่น่าสนใจ คือ หุ้น Mid-Small Cap เพราะหลายบริษัทไม่ได้เป็นที่รู้จักของนักลงทุนทั่วไป นักวิเคราะห์ยังเข้ามา Cover ไม่มาก ทำให้ได้หุ้นที่ราคายังไม่แพง การเติบโตสูง Earnings Growth ระดับ 15-25% ต่อปี คาดว่าเศรษฐกิจและกำไรจะฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ได้ผลกระทบจากการใช้จ่ายภาครัฐที่ชะลอตัวช่วงการเลือก ตั้งทั่วไป”นายธนโชติ กล่าว
 
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลก เปลี่ยนและ/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่า เงินลงทุนเริ่มแรก ผู้ลงทุนสามารถขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 สาขาแจ้งวัฒนะ โทร. 0-2835-3055-57 สาขาปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร. 043-204-014-16 สาขาเชียงใหม่ โทร. 0-5321-8480-82 สาขาระยอง โทร. 033-100-340 สาขาหาดใหญ่ โทร. 074-232-324-25 หรือที่ www.mfcfund.com  
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 ต.ค. 2567 เวลา : 11:24:12
22-10-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำตลาดโลกจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,700 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,745 เหรียญ

2. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (21 ต.ค.67) ร่วง 344.31 จุด เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งทุบตลาด

3. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (21 ต.ค.67) บวก 8.90 ดอลล์ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

4. ตลาดหุ้นไทยเปิด (22 ต.ค.67) ลบ 2.29 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,485.81 จุด

5. ทองเปิดตลาดวันนี้ (22 ต.ค.67) "คงที่" ทองรูปพรรณ ขายออก 43,750 บาท

6. ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ส่งผล "กรุงเทพปริมณฑล" ฝนฟ้าคะนอง 70% ภาคเหนือ-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก 60% ภาคอีสาน-ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 40% ภาคใต้ ฝั่ง ตต. 20%

7. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.35-33.60 บาท/ดอลลาร์

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (22 ต.ค.67) อ่อนค่าลง ที่ระดับ 33.52 บาทต่อดอลลาร์

9. ตลาดหุ้นปิด (21 ต.ค.67) ลบ 1.08 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,488.74 จุด

10. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำตลาดโลกจะมีกรอบแนวรับระยะสั้นที่ระดับ 2,710 เหรียญ และแนวรับระยะกลางที่ระดับ 2,700 เหรียญ

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (21 ต.ค.67) ลบ 3.01 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,486.81 จุด

12. ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักใน "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก" 70% ภาคเหนือ-ภาคอีสาน 60% ภาคใต้ 30-40%

13. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.25 บาท/ดอลลาร์

14. ทองเปิดตลาดวันนี้ (21 ต.ค. 67) ปรับขึ้น 200 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 43,250 บาท

15. ตลาดหุ้นไทยเปิด (21 ต.ค.67) บวก 0.85 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,490.67 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 22, 2024, 1:00 pm