เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ยังอ่อนแรง ขาดปัจจัยหนุน"



 
SET ยังเป็นสัญญาณลบ และยังไม่แสดงสัญญาณฟื้นตัวชัดนัก โดยมีปัจจัยกดดันจากเฟดส่งสัญญาณชะลอลดดอกเบี้ยในปีหน้าเหลือ 2 ครั้ง จากเดิม 4 ครั้ง รวมถึงตลาดยังขาดปัจจัยหนุน ทำให้การฟื้นตัวถูกจำกัด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1390 และ 1400 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1370 และ 1364 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

• ประมาณการ 3Q67 GDP สหรัฐฯ ครั้งสุดท้ายขยายตัว 3.1%QoQ สูงกว่าประมาณการครั้งก่อนและเร่งตัวจาก 2Q67 ที่ขยายตัว 3.0%QoQ หนุนจากการใช้จ่ายบริโภคที่แข็งแกร่งและการส่งออกที่เติบโตขึ้น

• ที่ประชุม BoJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ คงมองเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

• ที่ประชุม BoE มีมติคงดอกเบี้ยที่ 4.75% ตามตลาดคาดเช่นกัน หลังเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 8 เดือน และตัวเลขค่าจ้างปรับขึ้นมากกว่าคาด

• กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุมครม. พิจารณาโครงการ Easy e-Receipt สำหรับลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาจากการใช้จ่ายสูงสุด 50,000 บาท/คน สำหรับปีภาษี 2568 มองเป็นบวกต่อกลุ่มพาณิชย์ (CRC BJC TNP), ท่องเที่ยว (หากเงื่อนไขเหมือนช่วงต้นปีนี้ ERW AWC CENTEL MINT) และเครื่องดื่ม (OSP CBG)

• บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของจีน Sinopec ประเมินการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงจีนจะทำจุดสูงสุดที่ราว 800 ล้านตันในปี 2570 เทียบกับ 750 ตันในปีนี้และเตือนตลาดน้ำมันจีนจะเผชิญความท้าทายจากการกลับมาของปธน. ทรัมป์

• สศก. เผย GDP ภาคการเกษตรปีนี้จะหดตัว 1.1% จากภาวะอากาศผันผวนและอุทกภัย แต่คาดจะพลิกขยายตัว 1.8-2.8% จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น, น้ำที่เพียงพอ และปริมาณส่งออกที่จะเพิ่มขึ้น

• Bloomberg รายงานว่า Apple Inc. ใกล้ได้รับใบอนุญาตให้จำหน่าย iPhone16 ในอินโดนีเซียได้ หลังปธน. ปราโบโว ซูเบียนโต ยอมรับการลงทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ หนึ่งในการลงทุนคาดจะเป็นการตั้งโรงงานผลิต AirTag

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวนและรอสัญญาณกลับตัวขึ้นไปยืนเหนือ 1400 จุด ทั้งนี้ Upside ของตลาดขึ้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน และการเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการซื้อกองทุนประหยัดภาษีที่มักเร่งตัวขึ้นในช่วงปลายปี ขณะที่ยังต้องติดตามนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดย Upside ของตลาดขึ้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนและการเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการซื้อกองทุนประหยัดภาษี กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้

1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี อาทิ SSF และ RMF แนะนำลงทุนในหุ้น SET100 ซึ่งมีคุณสมบัติ คือ 1) จ่ายเงินปันผลดีและสม่ำเสมอ โดยให้ Div. Yield ขั้นต่ำปีละ 3% 2) เราให้คำแนะนำ Outperform และมี SETESG Rating สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีความมั่นคงหรือมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 ได้แก่ ADVANC AP BBL BDMS HMPRO

2. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากรัฐเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยวเพิ่มเติมในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO TNP) และกลุ่มท่องเที่ยว (AWC AOT MINT) 

3. หุ้น Earning Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไร 4Q67 จะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งเราแนะนำ Outperform เลือก GULF OSP AMATA AU TIDLOR BCP 

4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไร หุ้น Laggard ซึ่งมีเทคนิคมีแนวโน้มฟื้นตัว แนะนำ BEM BDMS MINT AP

DAILY TOP PICKS

BBL: เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร มองมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจาก 1) Valuation ถูกที่สุด 2) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุด และ 3) สินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตสูงที่สุด โดยคาดสินเชื่อจะฟื้นตัวเติบโตได้ใน 4Q67 ซึ่งล่าสุดในเดือนต.ค. สินเชื่อเติบโตแข็งแกร่งที่สุดที่ 1.4%MoM แรงหนุนจากสินเชื่อกิจการต่างประเทศและสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่

CRC: คาดได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเกี่ยวกับการจับจ่ายเพื่อลดหน่อยภาษี ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 3Q67 และ 4Q67 คาดจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ โดยจะเพิ่มขึ้น QoQ ตามฤดูกาล และ YoY จากการขยายสาขาและการคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น หนุนให้ปี 2567 คาดกําไรจะยังเติบโต 7.8%YoY
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 ธ.ค. 2567 เวลา : 12:05:00
23-12-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 24 ธ.ค. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำบางพลี

2. ตลาดหุ้นปิด (20 ธ.ค.67) ลบ 12.46 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,365.07 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (20 ธ.ค.67) ลบ 13.48 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,364.05 จุด

4. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,580 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,615 เหรียญ

5. ทั่วไทยอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5 องศา มีน้ำค้างแข็งบางแห่ง "ยอดภู" 6 องศา

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (19 ธ.ค.67) บวก 15.37 จุด ตลาดจับตาดัชนี PCE สหรัฐวันนี้

7. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (19 ธ.ค.67) ร่วง 45.20 เหรียญ หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอลดดอกเบี้ย

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (20 ธ.ค.67) ลบ 0.50 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,375.83 จุด

9. ทองเปิดตลาดวันนี้ (20 ธ.ค. 67) ปรับลดลง 200 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 43,150 บาท

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-34.75 บาท/ดอลลาร์

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (20 ธ.ค.67) อ่อนค่าลง ที่ระดับ 34.59 บาทต่อดอลลาร์

12. ตลาดหุ้นปิด (19 ธ.ค.67) ลบ 21.42 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,377.53 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 ธ.ค.67) ลบ 6.55 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,392.40 จุด

14. MTS Gold คาดว่าวันนี้ราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,590 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,640 เหรียญ

15. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (19 ธ.ค.67) อ่อนค่าลงหนัก ที่ระดับ 34.58 บาทต่อดอลลาร์

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 23, 2024, 9:13 am