เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ติดตามเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ"


คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/แกว่งขึ้น ยังคงประเมินแนวต้าน 1172/1180 หลังจากวันก่อนชะลอไประดับหนึ่งแล้ว แนวรับอยู่ที่ 1155/1145-1140 ไม่ควรหลุดต่ำกว่าหากยังแกว่งขึ้น ปัจจัยติดตามการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ แม้ว่าไทยมีเป้าหมายภาษีอย่างมากที่ 18% แต่ไม่ง่ายเนื่องจากประเทศอื่นเสนอภาษีนำเข้า 0% ทั้งหมด และคืนนี้คุณทักษิณจะไปขึ้นเวทีพูดเกี่ยวกับเศรษฐกิจ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก”

ประเด็นสำคัญ

• ติดตามผลเจรจาทางการค้าหลังเมื่อคืนนี้ทีมไทยแลนด์ได้เข้าหารือกับ USTR อย่างเป็นทางการอีกครั้งผ่าน Video Conference เพื่อพิจารณาข้อเสนอเพิ่มเติมของไทย ซึ่งเสนอลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เหลือ 0% กว่าหมื่นรายการและคาดหวังอัตราภาษีที่ระดับอย่างมากที่ 18% โดยต้องต่ำกว่าประเทศในอาเซียน

• ปธน. ทรัมป์เตรียมจะส่งจดหมายเรียกแจ้งอัตราภาษีศุลกากรต่อประเทศขนาดเล็กกว่า 100 ประเทศ เช่น ในแอฟริกาและแถบแคริเบียนในเร็วๆ นี้ ในอัตราที่สูงกว่าระดับ 10% เล็กน้อย และส่งสัญญาณจะประกาศอัตราภาษีสำหรับผลิตภัณฑ์ยาในช่วงปลาย ก.ค. 

• ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตฯ มิ.ย. 2568 ลดลงสู่ 87.8 ต่ำที่สุดในรอบ 8 เดือน กดดันจากผลปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชากระทบการค้าชายแดนและการจำหน่ายพลังงาน, การปรับขึ้นภาษีเหล็ก-อลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50%, ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และสินค้าจากต่างประเทศที่ทะลักเข้าไทย

• ประธานเฟดสาขาดัลลัสแนะเฟดตรึงดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ใกล้เคียงระดับเป้าหมายที่ 2% ขณะที่แรงกดดันด้านราคาเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากมาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์ และมองว่าการรีบลดดอกเบี้ยอาจทำให้ ศก. มีความเสี่ยงและอาจใช้เวลานานกว่าเดิมในการทำให้ ศก. มีเสถียรภาพ

• รมว. พลังงานสหรัฐฯ ขู่จะนำสหรัฐฯ ถอนตัวจาก IEA หากไม่ยอมลดท่าทีที่ส่งเสริมพลังงานสะอาดและไม่เป็นกลางต่อการวิเคราะห์ตลาดพลังงาน ด้าน IEA ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตอุปสงค์น้ำมันโลกปี 2568 เหลือเพียง 7 แสนบาร์เรล/วัน ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 ต่างจาก OPEC ที่คงมองอุปสงค์น้ำมันยังแข็งแกร่ง

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวนเนื่องจากยังกังวลอัตราภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ ที่ประกาศเรียกเก็บจากประเทศคู่ค้าซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. นี้ สำหรับไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียน ซึ่งทำให้ไทยมีโอกาสสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและกดดันให้ GDP อาจเติบโตชะลอตัวได้ จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับไทยอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดีเราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET แกว่งตัวผันผวน ยังมีความกังวลไทยจะถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียนและอาจทำให้ไทยสูญเสียความสามารถการแข่งขันและกดดันการเติบโต GDP ลง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้  

1. หุ้น Earnings Play โมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ 3Q68 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ ADVANC BCH CBG CPALL SCCC

2. หุ้น Defensive ที่ผันผวนต่ำและผลการดำเนินงานต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ (ผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายในและภายนอก) อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BCH DIF

3. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT

4. Trading Ideas: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Undervalue (PER และ PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BCPG BDMS CPALL DIF PTT SIRI TIDLOR 2) หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวไทย แนะนำ ERW CENTEL AAV และ 3) หุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็วหากเชื่อว่าการเจรจาจะทำให้สหรัฐฯ พิจารณาปรับลดภาษีไทยลงมาอยู่ที่ระดับ 20% หรือต่ำกว่า แนะนำ AMATA GPSC WHA

DAILY TOP PICKS

CPALL: มองราคาหุ้นได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดจำกัด และ 2Q68 คาด กำไรปกติอยู่ที่ 6.7 พันลบ. เพิ่มขึ้น 9%YoY จากการฟื้นตัวของธุรกิจ CVS และ CPAXT และปี 2568 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มที่ 15%YoY และซื้อขาย PER 2568F ที่ 14 เท่า ส่วนโครงการซื้อหุ้นคืน (ไม่เกิน 1.67% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.-14 พ.ย. 68 จะช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น

ADVANC: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากมองเป็นหุ้น Defensive และโมเมนตัมกำไรแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติอยู่ที่ 1.09 หมื่นลบ. โตเด่น 29%YoY และ 3.3%QoQ อีกทั้ง 2H68 คาดกำไรจะเติบโตเร่งตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการประหยัดต้นทุนได้จากการประมูลคลื่นความถี่เมื่อไม่นานนี้ และ ARPU ระบบเติมเงินที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 ก.ค. 2568 เวลา : 12:28:01
19-07-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (18 ก.ค.68) บวก 8.47 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,206.58 จุด

2. ประกาศ กปน.: 24 ก.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนราชพฤกษ์ และถนนบรมราชชนนี

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (18 ก.ค. 68) บวก 7.06 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,205.17 จุด

4. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 3,320 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,350 เหรียญ

5. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (17 ก.ค.68) ร่วง 13.80 เหรียญ เหตุดอลลาร์แข็งค่า-ข้อมูลเศรษฐกิจแกร่ง

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (17 ก.ค.68) บวก 229.71 จุด นักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจ-ผลประกอบการแกร่ง

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (18 ก.ค.68) กรุงเทพปริมณฑล ฝนตกหนัก 70% ภาคเหนือ-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก 60% ภาคอีสาน 40% ภาคใต้ 30-40%

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (18 ก.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 32.44 บาทต่อดอลลาร์

9. ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (18 ก.ค.68) บวก 0.77 จุดทดัชนีอยู่ที่ 1,198.88 จุด

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.55บาท/ดอลลาร์

11. ทองเปิดตลาดวันนี้ (18 ก.ค. 68) "คงที่" ทองรูปพรรณ ขายออก 52,050 บาท

12. ประกาศ กปน.: 23 ก.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนกาญจนาภิเษก (ด้านตะวันตก)

13. ตลาดหุ้นปิด (17 ก.ค.68) บวก 40.48 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,198.11 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 ก.ค.68) บวก 33.38 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,191.01 จุด

15. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบแคบ Sideways มีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 3,320 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,355 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 19, 2025, 1:40 pm