หลังจากที่ Bitcoin ได้ทำ All Time High ทะลุระดับราคาที่ 73,000 ดอลลาร์สหรัฐ ไปเมื่อ 14 มี.ค. 2567 ด้วยแรงส่งของ Bitcoin Spot ETF ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (ก.ล.ต.สหรัฐ) ก่อนจะเผชิญแนวต้านที่ระดับราคาเดียวกันจนรูปแบบแพทเทิร์นกราฟทำ Sideway ต่ำกว่าระดับเลข 7 ลงไป ในที่สุดการต้อนรับเข้าสู่เดือน มิ.ย. Bitcoin ก็ได้ทะลุระดับราคาที่ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้ง จาก Volume การซื้อขายที่กลับเข้ามา ประกอบกับข่าวดีของอีก 1 สกุลเหรียญคริปโตที่ได้รับการทำเป็นกองทุน ETF ซึ่งเป็นภาษีที่ดีให้กับสินทรัพย์เหรียญดิจิทัลโดยรวม จึงมีโอกาสที่ Bitcoin อาจทะลุแนวต้านปัจจุบันและทำ All Time High ใหม่ทะลุระดับราคา 6 หลักในปีนี้
จากดัชนี Bitcoin Fear & Greed ที่วัดระดับความโลภและความกลัวต่อเหรียญ Bitcoin ขึ้นสถานะ Greed ที่ระดับ 75 เป็นตัวสะท้อนที่กำลังบ่งบอกว่ามีแรงซื้อ และนักลงทุนมีความกล้าที่จะซื้อ Bitcoin ในระดับราคาปัจจุบัน สอดคล้องกับมูลค่าธุรกรรมรายวันของ Bitcoin ได้ทะลุขึ้นไปแตะ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา เป็นมูลค่าสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว ซึ่งหลังจากวันนั้นราคาของ Bitcoin ได้ทะลุระดับ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้ง
ทางด้าน Robert Kiyosaki นักลงทุนชื่อดังที่เป็นเจ้าของหนังสือ Rich Dad, Poor Dad ได้ออกมาวิเคราะห์ทิศทางของราคา Bitcoin ว่าระดับราคาของ Bitcoin มีโอกาสทะยานขึ้นสู่ 350,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในเดือนส.ค. ที่จะถึงนี้ เนื่องจาก Bitcoin มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี มี Utility ที่เห็นชัด และแรงสนับสนุนจากทั้งทางรัฐบาลและอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลมากเพียงพอที่จะดึงดูดเม็ดเงินและการยอมรับที่มากขึ้น
การทำนายราคานี้มีการวิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกับ บริษัทลงทุนเหรียญคริปโตที่ชื่อ Galaxy Digital ที่ได้กล่าวว่า Bitcoin จะแตะระดับแสนก่อนสิ้นปีนี้ หากสามารถเปลี่ยนแนวต้านที่ 73,000 ดอลลาร์สหรัฐ ยืนเหนือไปเป็นแนวรับแทน เนื่องจากในตอนนี้ Bitcoin ได้รับการยอมรับมากขึ้นจากที่มีการวางกฎระเบียบของเหรียญคริปโตจากทาง Washington D.C. ซึ่งส่งผลให้ทางธนาคารสำคัญอย่าง Goldman Sachs และองค์กรการเงินอื่น ๆ เริ่มทำการขายและเทรดเหรียญคริปโตได้ โดยการยอมรับอย่างเป็นทางการนี้จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมหาศาลเข้ามาใน Bitcoin มากขึ้น ซึ่งความต้องการที่มากขึ้นตรงนี้เองจะยิ่งผลักดันให้ราคาสูงขึ้นไปจนทะลุแนวต้านสำคัญ ๆ
อย่างไรก็ตาม มีนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งให้ความคิดเห็นว่า ราคาของ Bitcoin ต้องสามารถยืนเหนือระดับที่ 72,000 ดอลลาร์สหรัฐให้ได้ เพราะจะเป็นตัวจุดชนวนที่จะทำให้ราคาพุ่งขึ้น และก้าวเข้าสู่ขาขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยการวิเคราะห์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทาง Rekt Capital ว่า Bitcoin มีโอกาสที่จะขึ้นในอีกสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งราคาจำเป็นที่จะต้องยืนเหนือแนวต้านปัจจุบันให้ได้ ทั้งนี้การวิเคราะห์ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ใช่การการันตีว่า Bitcoin ต่อจากนี้จะมีระดับราคาที่สูงขึ้นไปตามเป้าที่นักวิเคราะห์หลายคนทำนายเอาไว้ ควรพิจารณาถึงความเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตัวเลขยอดคงค้างของสัญญาฟิวเจอร์สที่ยังไม่ได้ถูกปิด (Open Interest) ได้ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เป็นสัญญาณเตือนการ FOMO ที่เสี่ยงต่อการปรับฐานราคาลงมา เพราะการกู้ยืมที่มากเกินไปอาจทำให้ราคาของ Bitcoin เกิดผันผวนขึ้นได้หากยังไม่สามารถยืนเหนือที่ระดับราคา 72,000 ดอลลาร์สหรัฐ (เนื่องจากตอนนี้ราคา Bitcoin ยังไม่สามารถผ่านด่านที่ 72,000 ดอลลาร์สหรัฐไปได้ ทำให้เกิดการปรับฐานลงมากว่า 22%)
ข่าวเด่น